"นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต"
คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
---------
"คำนินทา" คือ คำที่ติเตียนกล่าวหาว่าร้ายลับหลัง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งปกติธรรมดาของคนเราทั่วไปอยู่แล้ว ที่จะมีการนินทาว่าร้ายกัน มันสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ จากพุทธสุภาษิตนี้สอนให้รู้จักปลงกับการนินทา ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาของมนุษย์เรานี้ ซึ่งมีสรรเสริญก็ย่อมต้องมีนินทาเป็นของคู่กัน
คนนั่งนิ่ง เขาก็นินทา
คนพูดมาก เขาก็นินทา
แม้แต่คนพูดพอประมาณ เขาก็นินทา
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
การนินทา เป็นของยากที่จะละได้
บางคนเมื่อหันไปทางซ้ายก็นินทามือขวา
หันไปทางขวาก็นินทามือซ้าย
มียุติธรรมอยู่ในข้อที่ว่านินทาได้ไม่เลือกหน้า
สุดแต่ว่าอยู่ลับหลังเป็นใช้ได้
ผู้มีปัญญาย่อมไม่หวั่นไหวต่อคำนินทา!
หากเราทำตามแบบอย่างพระพุทธเจ้าได้ ก็คงมีความสุขดี ใครด่า ใครนินทา เราไม่ตอบโต้ใดๆ นิ่งเฉยๆ เขาอยากด่าก็เรื่องของเขา หากด่าได้ถึง ๗ วัน ก็คงหมดแรงและสลบไป เราห้ามคนอื่นไม่ให้นินทาด่าว่าไม่ได้ ก็ห้ามใจเราไม่ให้คิดและด่าตอบ เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขได้
เวลาคนนินทาด่าว่าเรา จะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม หากเราทำใจนิ่ง ไม่รับรู้ ปิดประตูใจไม่เอามาคิด ไม่หวั่นไหวใดๆ ใจเราจะมีความสุขมีความสบายใจมาก เพราะไม่มีความเกลียด หรือความอาฆาตอยู่ในใจ และไม่ต้องมีวาจาหยาบคายไว้ตอบโต้ใคร คำด่าคำนินทาของผู้อื่น จักทำอะไรเราไม่ได้เลย หากเราไม่เอามาใส่ใจ หรือเอามาคิด
ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทาหมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลก มีมาช้านานแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน