อาการแพ้ท้อง เป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียนวิงเวียนศีรษะ เบื่ออาหาร พะอืดพะอม แพ้กลิ่นอาหารในสตรีตั้งครรภ์อ่อนๆ อาการเหล่านี้จะเริ่มมี ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ 5-6 สัปดาห์ จนกระทั่งอายุครรภ์ประมาณ 16 สัปดาห์ อาการก็จะหายไป สตรีตั้งครรภ์มากกว่าครึ่งจะมีอาการแพ้ท้อง อาการมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไปในแต่ละคน มักมีอาการต้อนเช้าหลังตื่นนอน แต่ช่วงเวลาแพ้ท้องของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนแพ้ช่วงเช้า บางคนแพ้ช่วงเย็นหรือบางคนแพ้ทั้งวัน ถ้าแพ้ท้องมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
สาเหตุ สาเหตุของอาการแพ้ท้องยังไม่ทราบแน่นอน แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับ
- ระดับฮอร์โมนที่สร้างจากรก สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะแรกของการตั้งครรภ์ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนมาก
- ครรภ์แฝด
- ครรภ์แฝดน้ำ
- ครรภ์ไข่ปลาอุก
- มีประวัติเคยแพ้ท้องในครรภ์ก่อน
- มีสภาวะอารมณ์และจิตใจไม่ปกติ เช่น ไม่อยากตั้งครรภ์ยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาด้านสังคม เศรษฐกิจ
อาการแพ้ท้องที่ผิดปกติต้องรีบมาพบแพทย์
- คลื่นไส้ อาเจียนมาก อาเจียนบ่อยๆ อาเจียนมีเลือดปน
- รับประทานอาหารและน้ำไม่ได้เลยทั้งวัน
- วิงเวียนศีรษะมาก หน้ามืด เป็นลม เมื่อลุกขึ้นยืน
- มีอาการใจสั่น ใจเต้นแรงมาก
- ปัสสาวะออกน้อยและมีสีเหลืองเข้ม
- อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง
แพ้ท้องมากแพทย์จะรักษาอย่างไร
ถ้ามีอาการแพ้ท้องมากคลื่นไส้ อาเจียนมาก รับประทานอาหารน้ำไม่ได้เลย ทำให้ร่างกายเสียสมดุลนำ้และเกลือแร่ ร่างกายจะอ่อนเพลีย อาการแพ้ท้องก็ยิ่งเป็นมากขึ้่น มีอาการขาดน้ำมากขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะกรดในเลือดสูงซึ่งจะเป็นผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น แพทย์จะให้ท่าน
- นอนโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือแร่ทดแทน
- ให้ยาแก้แพ้ท้อง ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนศีรษะ
- ให้วิตามินบำรุงร่างกาย
- ดูแลให้พักผ่อน ให้เพียงพอ
- ดูแลการรับประทานอาหารและน้ำดื่ม
การปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการแพ้ท้อง
- รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่ายเพราะระหว่างตั้งครรภ์ฮอร์โมนที่สูงขึ้นจะทำให้ลำไส้ทำงานช้าลง มีอาการท้องอด ท้องเฝ้อ แน่นท้องได้ง่าย อาหารที่ย่อยง่ายจะช่วยให้ร่างกายได้พลังงานเร็วขึ้น
- เมื่อหิวควรหาอาหารมารับประทานทันทีไม่ควรรอเวลา หรือรอให้หิวจัด ไม่ควรให้ท้องว่าง เพราะถ้าไม่ได้รับประทานอาหารทันที ขณะหิวจะทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
- รับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ 6 มื้อ ควรรับประทานอาหารที่อาหารยังอุ่นอยู่ อาหารที่อุ่นรับประทานได้ดีกว่าอาหารที่เย็น ชืด ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
- ในระยะนี้ให้รับประทานอาหารที่ชอบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มันจัด อาหารรสจัด อาหารที่มีกลิ่นฉุน มีเครื่องเทศมาก อาหารเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่ควรดื่มน้ำตามมากๆ
- เมื่อตื่นนอนตอนเช้า อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้น ให้ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ ประมาณครึ่งแก้วก่อนแล้วนอนพักสักครู่ จึงค่อยลุกขึ้น
- หลังรับประทานอาหารเสร็จให้เดินเล่นย่อยอาหารสัก 15-30 นาที หรือนั่งตัวตรงหลับตา หายใจยาวๆ ผ่อนคลายสักครู่ก่อน อย่าเพิ่งรีบนอน จะทำให้อาเจียนมากขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผ่อนคลายความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส
- ดื่มน้ำ น้ำหวาน น้ำผลไม้ต่างๆ ให้ดื่ม ทีละน้อยๆ แต่ให้ดื่มบ่อยๆ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ
- ควรรับประทานอาหารที่แห้งๆ กรอบๆ เช่นขนมปังจืดๆ ขนมปังกรอบ ขนมปังปิ้ง ขนมผิงเป็นต้นเพราะอาหารเหล่านี้ ช่วยลดอาการคลื่นไส้พะอืดพะอมได้
- เข้านอนแต่หัวค่ำ ลดความวิตกกังวล นอนหลับให้เต็มที่ตื่นขึ้นมาจะได้สดชื่น
- ก่อนเข้านอนควรดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ เช่นนม ในรายที่ดื่มนมไม่ได้ อาจดื่มนมเปรี้ยว โยเกิร์ต น้ำอุ่น ขนมปัง จะช่วยลดอาการแพ้ท้องของเช้าวันรุ่งขึ้นได้
- ไม่ซื้อยาแก้แพ้ท้องมารับประทานเอง ควรมาพบแพทย์ให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง แพทย์จะให้ยาพวก วิตามินที่ช่วยให้อาการแพ้ท้องดีขึ้น ในช่วงที่มีอาการแพ้ท้องไม่ควรรับประทานยาบำรุงเลือดธาตุเหล็ก เพราะจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ได้
- ถ้ามีอาเจียน อ่อนเพลีย มาก รับประทานอาหาร ดื่มน้ำไม่ได้เลยทั้งวัน ให้มาพบแพทย์ก่อนนัด
ที่มา รามาคลินิก