tag:blogger.com,1999:blog-73904968202331942702024-03-12T18:31:06.588-07:00Theramaทุกเรื่องราวข่าวสารBTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.comBlogger23125tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-14765495661169294142023-11-15T17:10:00.000-08:002023-11-15T17:10:00.149-08:00ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ<p></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgLFBPqCzJALQu36-LIi8dNG6BWBrrSEq6Xkgh23Sex6CXbafdgJH0q8eqwaq2wZisNGcqKzcPi3Wo3UXrW3aQ6uaH2HAIIZRwf-k0cCzLYlDTqPcEFK-Om_mMJ3hIP_IOCPd4NQ_PT8Oz9YV8wWnu_tuACOZAtX77_Fb7dxGZJCAHEC5nWRC0YOPesUYY" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgLFBPqCzJALQu36-LIi8dNG6BWBrrSEq6Xkgh23Sex6CXbafdgJH0q8eqwaq2wZisNGcqKzcPi3Wo3UXrW3aQ6uaH2HAIIZRwf-k0cCzLYlDTqPcEFK-Om_mMJ3hIP_IOCPd4NQ_PT8Oz9YV8wWnu_tuACOZAtX77_Fb7dxGZJCAHEC5nWRC0YOPesUYY" width="400" />
</a>
</div> ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบหมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเองลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ยากเต็มที<div><p></p></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-45534092065255148122023-11-15T07:37:00.001-08:002024-02-20T02:25:09.710-08:00ฝึกมองตัวเองให้เล็กและถ่อมตนเข้าไว้ <p></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigKbvFq0NAz2VZeOGNkc2_G1gS0jrrdSTtvV-yPRXb4n1qDMs5gISW-1wyleqQlJQ7GuummHxtnD49DCX_QN2wBz_uqMLC3LQklDjWFke2qr2Vpbcl3yXJZ8jEMEQ13u2rJ4ZtEMDofeLIAGgllDKw3DlryDGQFjaITVOqp8L1qdY0C4GKJRuF8LlXDHY/s228/Mild.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="221" data-original-width="228" height="221" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigKbvFq0NAz2VZeOGNkc2_G1gS0jrrdSTtvV-yPRXb4n1qDMs5gISW-1wyleqQlJQ7GuummHxtnD49DCX_QN2wBz_uqMLC3LQklDjWFke2qr2Vpbcl3yXJZ8jEMEQ13u2rJ4ZtEMDofeLIAGgllDKw3DlryDGQFjaITVOqp8L1qdY0C4GKJRuF8LlXDHY/s1600/Mild.jpg" width="228" /></a></div><br /> ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมาก อย่าปล่อยให้จิตใจวนไปวนมากับความ รู้สึกของตัวเอง เหมือนจมอยู่ในอ่าง <p></p><p>ลองเปิดตามองไปรอบๆ แล้วมองให้เห็นว่า คนบนโลกนี้มีมากมายแค่ไหน ตัวเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก ดังนั้นก็อย่าไปให้ความสำคัญกับมันมากนัก ทุกข์บ้าง ผิดบ้าง เรื่องธรรมดา<br /></p><p><br /></p><ul style="text-align: left;"><li><b>ฝึกยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง </b></li></ul>จงยอมรับว่าคุณไม่ได้ดีเลิศไปเสียทุกสิ่ง หรือแม้แต่เรื่องในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง. ไม่ว่าคุณจะปราดเปรื่องแค่ไหน จะมีคนที่ทำบางสิ่งได้ดีกว่าคุณเสมอ จงดูคนเก่งกว่าคุณ และหาหนทางพัฒนาศักยภาพของตัวเอง จำไว้ว่าไม่มีใครที่เก่งเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สุดหรอก แม้ว่าคุณจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ “ดีที่สุดในโลก” แต่แน่นอนว่ามีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณทำไม่ได้ และอาจจะไม่มีทางทำได้เลยตลอดชีวิต การมองเห็นข้อจำกัดของตัวเองไม่ได้หมายถึงการละทิ้งความฝัน และไม่ได้หมายความว่าคุณต้องยอมแพ้ที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือหยุดพัฒนาความสามารถที่คุณมีอยู่แล้ว จริงๆ แล้วมันหมายถึงการยอมรับว่า ในฐานะมนุษย์ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบและไม่มีใครสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง<p></p><div><br /></div><div><div><ul style="text-align: left;"><li><b>ฝึกยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง</b></li></ul></div><div>เราตัดสินผู้อื่นก็เพราะมันง่ายกว่าย้อนมองดูตัวเอง น่าเสียดายที่สิ่งนี้มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด บ่อยครั้งก็เป็นอันตรายเสียด้วยซ้ำ การตัดสินผู้อื่นนำมาซึ่งความขัดแย้งทางความสัมพันธ์อย่างรุนแรง และขัดขวางไม่ให้มิตรภาพใหม่ๆ ได้งอกงาม หรือในกรณีร้ายแรงกว่านั้น มันขัดขวางไม่ให้เราเจริญก้าวหน้า จำไว้ว่าทุกคนต่างผิดพลาดได้ทั้งนั้น</div><div>เราตัดสินผู้อื่นตลอดเวลาและมักจะทำโดยไม่รู้ตัว ให้ฝึกทำดังต่อไปนี้ ลองจับผิดตัวเองเมื่อคุณพยายามตัดสินผู้คนหรือใครก็ตาม และเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มตัดสินพวกเขา ให้เปลี่ยนมาตัดสินตัวเองแทน ลองย้อนกลับมาพิจารณาหาหนทางที่จะพัฒนาตัวเอง แทนที่จะไปคิดแทนคนอื่นว่าพวกเขาควรทำตัวอย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้ว คุณไม่สามารถควบคุมความคิดของและนิสัยใจคอของคนอื่นได้ แต่คุณสามารถควบคุมของตัวเองได้</div><div>เรียนรู้เพื่อมองหาข้อบกพร่องของตัวเอง จดจำไว้ว่าการเติบโตและการพัฒนาเป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้ว่าคุณจะทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีแค่ไหนก็ตาม</div></div><div><br /></div><div><div><br /></div><div><ul style="text-align: left;"><li><b>ฝึกพอใจในสิ่งที่ตนมี</b></li></ul></div><div>ลองคิดดูว่าคุณจบจากมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด ในลำดับต้นๆ ของคณะ แน่นอนว่าคุณสมควรได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับการเรียนอย่างหนักและความมานะอุตสาหะ แต่ในอีกแง่หนึ่ง หากมีใครอีกคนที่ฉลาดและทำงานหนักพอๆ กับคุณ แต่เพียงเพราะเขาไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอจากครอบครัว เติบโตในที่ที่ต่างจากคุณ หรือเพียงแค่ตัดสินใจเลือกทางชีวิตผิดเพียงหนเดียว คุณอาจตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเขาก็เป็นได้</div><div>จดจำไว้เสมอว่า ทางเลือกที่ผิดพลาดของเมื่อวานอาจเปลี่ยนชีวิตของคุณในวันนี้ไปทั้งหมด และยิ่งไปกว่านั้น วันนี้อาจเป็นวันที่ทางเลือกที่ถูกต้องเปลี่ยนชีวิตของคุณก็เป็นได้</div><div>แม้คุณจะมีอย่างทุกวันนี้จากการทุ่มเททำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คุณก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากไม่มีแรงสนับสนุนจากผู้อื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำคือผลลัพธ์จากการที่ผู้คนทั้งหลายคอยมอบแรงสนับสนุนแก่เราทั้งสิ้น เราเป็นเราได้ก็เพราะคนรอบตัวคอยขัดเกลาให้เรากลายเป็นคนที่ดีขึ้น จนถึงจุดที่เราประสบความสำเร็จในที่สุด</div></div><div><br /></div><div><div><br /></div><div><ul style="text-align: left;"><li><b>อย่ากลัวที่จะผิดพลาด</b></li></ul></div><div>ส่วนหนึ่งของการถ่อมตนคือการเข้าใจว่าคุณทำผิดพลาดได้ คุณต้องเข้าใจส่วนนี้ และต้องเข้าใจด้วยว่าคนทุกคนต่างทำผิดพลาดได้ด้วยเช่นกัน เมื่อเข้าใจทั้งสองส่วนนี้คุณก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความว่าคุณควรทำตัวเป็นคนขี้ระแวง ที่คอยแต่จะหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาด จงอย่ากลัวที่จะลองวิธีการหรือเส้นทางใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายของตัวเอง</div><div>ชีวิตของคนแต่ละคนนั้นแสนสั้น โลกนี้มีคนที่อาวุโสและฉลาดกว่าคุณเสมอ ความคิดเห็นของคนเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรับฟัง แม้ว่าสุดท้ายแล้วการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับตัวคุณเองก็ตาม</div></div><div><br /></div><div><br /></div><div><br /></div><div><div><ul style="text-align: left;"><li><b>ฝึกยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง</b></li></ul></div><div> ถึงคุณจะกลัวคนอื่นโกรธและโมโหมากแค่ไหน แต่มันเป็นการดีกว่าที่คุณจะยอมรับความผิดแทนที่จะปกปิดมันเอาไว้ แม้คุณจะผิดพลาดไปบ้าง ไม่ว่าในฐานะหัวหน้า พ่อแม่ หรือเพื่อน ทุกคนต่างยินดีที่จะรับรู้ความจริงที่ว่าคุณต้องการยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ดีเลิศ และกำลังพยายามอย่างหนักที่จะพัฒนาตัวเองรวมถึงแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น การยอมรับความผิดพลาดของตัวเองแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ใช่คนหัวดื้อ เห็นแก่ตัว หรือกลัวเสียภาพลักษณ์</div><div>การยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเองจะทำให้คนนับถือคุณมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลูกๆ หรือเพื่อนร่วมงานของคุณก็ตาม</div></div><div><br /></div><div><div><ul style="text-align: left;"><li><b>ให้หลีกเลี่ยงการโอ้อวด</b></li></ul></div><div>เป็นเรื่องดีที่คุณรู้จักนับถือตัวเองและภูมิใจในสิ่งที่คุณทำสำเร็จ แต่ไม่มีใครชอบคนที่เอาแต่เรียกร้องความสนใจและโอ้อวดความสำเร็จของตัวเอง ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวคุณทำบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่ามีโอกาสที่คนจะรับรู้ถึงสิ่งที่คุณทำ แต่พวกเขาก็จะนับถือคุณมากขึ้นหากคุณมีความอ้อมน้อมถ่อมตนอยู่ในที</div><div>นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณควรโกหกเมื่อสำอะไรบางอย่างสำเร็จ หากมีใครถามว่าคุณได้ไปวิ่งมาราธอนมาหรือไม่ คุณก็ควรตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ใช่” แต่อย่าคุยโวต่อไปว่าคุณวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างสวยงามแค่ไหน หรือแม้แต่ในการประสบความสำเร็จเรื่องอื่นๆ ก็ตาม</div></div><div><br /></div><div><div style="text-align: left;"><ul style="text-align: left;"><li><b>หมั่นระมัดระวังคำพูดเมื่อสนทนากับผู้อื่น</b></li></ul></div><div>คนอ่อนน้อมถ่อมตนไม่จำเป็นต้องทำตัวหงอ เพราะการถ่อมตนไม่ใช่การไม่นับถือตนเอง อย่างไรก็ตาม คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนควรใส่ใจในการต่อบทสนทนา และระวังไม่พูดดูหมิ่นหรือพูดให้เกิดความแตกแยก ในฐานะผู้ที่ถ่อมตน คุณควรระลึกไว้เสมอว่าทุกๆ คน รวมถึงตัวคุณเอง ต่างมีเป้าหมายและความฝันที่ต่างฝ่ายต่างอยากจะร่วมพูดคุยแบ่งปัน รวมถึงความสำเร็จและความคิดเห็นมากมายเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ</div></div><div><br /></div><div><br /></div><div><ul style="text-align: left;"><li><b aria-hidden="true" class="whb" style="-webkit-tap-highlight-color: transparent; background: none rgb(255, 255, 255); border: 0px; color: #545454; font-family: Helvetica, "Nimbus Sans L", Arial, "Liberation Sans", sans-serif; font-feature-settings: inherit; font-kerning: inherit; font-optical-sizing: inherit; font-size: 16px; font-stretch: inherit; font-variant-alternates: inherit; font-variant-east-asian: inherit; font-variant-numeric: inherit; font-variant-position: inherit; font-variation-settings: inherit; line-height: inherit; margin: 0px; padding: 0px; vertical-align: baseline;">อย่าพูดเอาดีเข้าตัว</b></li></ul></div><div><span face="Helvetica, "Nimbus Sans L", Arial, "Liberation Sans", sans-serif" style="background-color: white; color: #545454; font-size: 16px;">เราทุกคนในฐานะมนุษย์ที่เป็นอยู่เช่นนี้ได้ก็เพราะแรงสนับสนุนและการชี้แนะจากผู้อื่น ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนสนับสนุนและช่วยเหลือให้คุณกลายเป็นคนที่สามารถก้าวเดินไปถึงความฝันได้อย่างทุกวันนี้ เป็นเรื่องปกติที่คุณจะภูมิใจในความสำเร็จของตัวเอง แต่จงจำให้ขึ้นใจว่าไม่มีใครทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ในฐานะมนุษย์ เราทุกคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ต่างคนต่างเดินไปถึงเป้าหมายของตัวเอง</span></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-71856868845975836892023-11-15T03:43:00.000-08:002023-11-15T03:43:29.059-08:00เจ็บป่วยแค่ไหน ถึงเรียกว่า “ฉุกเฉิน” ที่ใช้สิทธินอกเหนือจากสถานพยาบาลตามสิทธิได้<p> <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhuB1jUwIh0UMXRykvc4U_-cHLiqofdJ8K4QGEwVldn3T_2xwcpIM33B6u7KXnK5skajxZwHcmRrFhdaMIEvQrJdzvjTkLoz6wArs5kP2AEFtP04uwSI4TwT7KLWXqmcYUhRdmG-CuoIAzeyl3U88nvCROfsGyVk1IjMUOHFavv1mKq-GXbFYOHwAeNSd4" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhuB1jUwIh0UMXRykvc4U_-cHLiqofdJ8K4QGEwVldn3T_2xwcpIM33B6u7KXnK5skajxZwHcmRrFhdaMIEvQrJdzvjTkLoz6wArs5kP2AEFtP04uwSI4TwT7KLWXqmcYUhRdmG-CuoIAzeyl3U88nvCROfsGyVk1IjMUOHFavv1mKq-GXbFYOHwAeNSd4" width="400">
</a>
</div></p><p>หลายคนอาจยังสงสัยว่า แบบไหนนะ ถึงเรียกว่าเจ็บป่วยฉุกเฉินที่เข้าข่ายการใช้สิทธิประกันสุขภาพ ซึ่งคำจำกัดความของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุว่า</p><p>“เจ็บป่วยฉุกเฉิน” คือ การได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกระทันหัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิต หรือการทำงานของอวัยวะสำคัญ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการเสียชีวิต หรืออาการบาดเจ็บนั้น มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น</p><p><span style="font-size: large;">อาการผู้ป่วยฉุกเฉินทางการแพทย์ 5 ระดับ</span></p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>สีแดง มีภาวะคุกคามที่อาจทำให้เสียชีวิต ต้องได้รับการรักษาทันที เช่น ภาวะหัวใจหยุดเต้น ผู้ป่วยมีอาการชัก</li><li>สีชมพู มีภาวะเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ควรได้รับการตรวจภายใน 10 นาที เช่น ชีพจรเต้นผิดปกติ เจ็บหน้าอก</li><li>สีเหลือง ผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่ต้องได้รับการตรวจภายใน 30 นาที เช่น มีไข้สูง 40 องศา สูญเสียการมองเห็นฉับพลัน</li><li>สีเขียว ผู้ป่วยเจ็บเล็กน้อย ต้องได้รับการตรวจภายใน 1 ชั่วโมง คือ ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเล็กน้อย แต่ไม่มีภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน มีไข้ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส</li><li>สีขาว ผู้ป่วยนอกทั่วไป หรือผู้ป่วยที่มารับยากลับบ้านซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ ควรได้รับการตรวจภายใน 2 ชั่วโมง</li></ul><p></p><div><span style="font-size: large;">ใครบ้างได้สิทธิ ฉุกเฉินรักษาฟรี</span></div><div><div>ต้องบอกว่าใครก็ตามที่เป็นประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรทอง หรือ ไม่ได้มีสิทธิการรักษาอะไรเลย หากมีอาการ เจ็บป่วย ฉุกเฉิน สามารถรักษาฟรี โดยผู้ป่วยที่มีอาการฉุกเฉินต้องมี 6 อาการที่เข้าข่าย ดังนี้</div><div><br></div><div><span style="font-size: large;">เช็ค 6 อาการเข้าข่าย ภาวะฉุกเฉินวิกฤติ</span></div><div>หากไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการที่เข้าข่ายฉุกเฉินตามคำนิยามเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือไม่ ลองเช็กอาการเบื้องต้นหากพบ 6 อาการเข้าข่ายฉุกเฉินวิกฤติ เข้ารับการรักษาได้ทุก รพ. ทั้งรัฐและเอกชน โดยแพทย์จะประเมินว่าเข้าข่ายเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินหรือไม่</div><div><br></div><div><ul style="text-align: left;"><li>หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ</li><li>หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง</li><li>ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น</li><li>เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง</li><li>แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด</li><li>อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หากพบอาการที่เข้าข่าย</li><li>เจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร.1669 เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย โดยจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินทำหน้าที่ประสานงานรถของการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็น รถฉุกเฉิน หรือรถพยาบาลในพื้นที่ให้มารับผู้ป่วย</li></ul><div><div><span style="font-size: large;">ขั้นตอนการใช้สิทธิ ต้องทำอย่างไร</span></div><div>ก่อนจะใช้สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ ดังนี้</div><div><br></div><div><ul style="text-align: left;"><li>ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยให้แจ้ง รพ.ว่าใช้สิทธิ</li><li>โรงพยาบาลประเมินอาการ และคัดแยกระดับความฉุกเฉิน</li><li>ระหว่างโรงพยาบาลประเมินอาการ ติดต่อ ศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หมายเลข 02-872-1669</li><li>กรณีเข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤต จะได้รับความคุ้มครองตามสิทธิ UCEP ทันทีแต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือ พ้นวิกฤติ</li><li>กรณีไม่เข้าเกณฑ์ฉุกเฉินวิกฤตให้รีบประสานโรงพยาบาลตามสิทธิหากประสงค์รักษาต่อต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง</li></ul></div></div></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-7769399029143863052023-11-15T03:05:00.000-08:002023-11-15T03:05:20.171-08:00ความหรูหราสิ่งที่เรายึดติดคือทางผ่านในชีวิต<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhzuZ_Cdtd5ta9LUOAfqU-9EvqL7PXwatmAxVd8yd788UUArvwAO0kRZUnTK6Sv0didY-vQGVN_Dyy9CKDWHVCuOLI_agDLaoCabefEi5yGm0olPiR77IprKVsieDdGUioncSAwEMegNz1n6226wt30h8rVl6BJis56OkxFsH5402Q6RF4MbUiUp_RH-is" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhzuZ_Cdtd5ta9LUOAfqU-9EvqL7PXwatmAxVd8yd788UUArvwAO0kRZUnTK6Sv0didY-vQGVN_Dyy9CKDWHVCuOLI_agDLaoCabefEi5yGm0olPiR77IprKVsieDdGUioncSAwEMegNz1n6226wt30h8rVl6BJis56OkxFsH5402Q6RF4MbUiUp_RH-is" width="400" />
</a>
</div><div><br /></div><div>ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอหมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย ดังนั้น อย่าไปเสียเวลาคิดมาก อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ อย่าไปหลงยึดไว้เกินความจำเป็น ให้รู้จักธรรมชาติของมัน การยึดติดกับวัตถุ บุคคล หรือความรู้สึกจนเกินเหตุ คือปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนเราเกิดความทุกข์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้ และต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคนปล่อยวางอะไรง่ายๆ เข้าไว้</div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-6070800735073410112023-11-15T02:08:00.000-08:002023-11-15T02:08:54.893-08:00ท่า Warm Up ก่อนวิ่งแล้วจะไม่ระบม<p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEi2VHh79REJo4bSAfymo_WYRL4Cda1gTGy3vzh6U5LEFHusHEnJvRlF-Kai8rit6yk1daLkKmydMB0MdnLVdMlKzZ2RMpMl7CAsqMTOHr4toq15Da4MPKFpNQ0AUvjWKrL3NXWZDxbKzi9ZCmKeWnDa2lUusOjTLNZmf1q2IiC5Q_E68BEAZk1pDGzB5wQ" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEi2VHh79REJo4bSAfymo_WYRL4Cda1gTGy3vzh6U5LEFHusHEnJvRlF-Kai8rit6yk1daLkKmydMB0MdnLVdMlKzZ2RMpMl7CAsqMTOHr4toq15Da4MPKFpNQ0AUvjWKrL3NXWZDxbKzi9ZCmKeWnDa2lUusOjTLNZmf1q2IiC5Q_E68BEAZk1pDGzB5wQ" width="400">
</a>
</div>เพียง 5 ท่าใน 3 นาที (ทำต่อเนื่อง)</p><p>ทำก่อนวิ่ง คุณจะพบความแตกต่างจากการWarm Upแบบเดิมๆ</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>ลดโอกาสเจ็บขา เข่า สะโพก ได้มาก</li><li>ใช้เวลาน้อยแต่ได้ผลมาก</li><li>นำไปสู่ The Perfect Form วิ่งที่ดีกว่า</li><li>เป็นWarm Up + ยืดเส้น ที่โค้ชนักกีฬาอาชีพแนะนำให้ทำ</li><li>เหมาะกับผู้มีปัญหาบาดเจ็บง่าย</li><li>ใช้ได้ทุกกีฬา ฟุตบอล บาส เเบดมินตัน ฟิตเนส</li></ul><iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/3qZuLXioSCE?si=CMeTUACljX55XCa5" title="YouTube video player" width="560"></iframe><br><br><div><span style="font-size: medium;">1. Knee Hug ข้างละ 12 ครั้ง (รวม 30 วินาที)</span></div><div><span style="font-size: medium;">แนะนำให้เดินทำไปจนครบ ไม่ควรยืนอยู่กับที่</span></div><div><span style="font-size: medium;"><br></span></div><div><br></div><div><span style="font-size: medium;">2. Quad Stretch ข้างละ 12 ครั้ง (รวม 30 วินาที)</span></div><div><span style="font-size: medium;">แนะนำให้เดินทำไปจนครบ ไม่ควรยืนอยู่กับที่</span></div><div><span style="font-size: large;"><br></span></div><div><span style="font-size: large;">3. Leg Pull ข้างละ 12 ครั้ง (รวม 30 วินาที)</span></div><div><span style="font-size: medium;"><br></span></div><div><br></div><div><span style="font-size: medium;">4. Lunge Twist ข้างละ 10 ครั้ง (รวม 30 วินาที) </span></div><div><span style="font-size: medium;">แนะนำให้ก้าวไปข้างหน้าสลับขาจนครบ</span></div><div><span style="font-size: medium;"><br></span></div><div><br></div><div><span style="font-size: medium;">5. Leg Sweeps ข้างละ 15-20 ครั้ง (รวม 30-40 วินาที)</span></div><div><span style="font-size: medium;"><br></span></div><div><span style="font-size: medium;">หากยืนทรงตัวขาเดียวไม่ได้ ให้หาที่จับเพื่อให้ง่ายขึ้น</span></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-79301855766641145882023-11-15T01:37:00.000-08:002023-11-15T01:37:15.170-08:00วิธีสร้างความสุขให้กับชีวิตเราเอง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgkIt1O_z_nPzFQh9NId0KFjVCp_wXmdM8kaCloVFadN4MPK6VgKLmRYJy837DPJSzFtjrhfrJlqNI0S2PcHAOIBzC1kT1CRQ0vJYuEg8ofOZR1K6b4atVfhTtbpsTUj_9Ww0xal0uQMpA7DJDguY2iqNlH5q4PNIXdfFdEWa7bAAAmea4EC97aLdVewVs" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgkIt1O_z_nPzFQh9NId0KFjVCp_wXmdM8kaCloVFadN4MPK6VgKLmRYJy837DPJSzFtjrhfrJlqNI0S2PcHAOIBzC1kT1CRQ0vJYuEg8ofOZR1K6b4atVfhTtbpsTUj_9Ww0xal0uQMpA7DJDguY2iqNlH5q4PNIXdfFdEWa7bAAAmea4EC97aLdVewVs" width="400" />
</a>
</div><blockquote style="border: none; margin: 0px 0px 0px 40px; padding: 0px; text-align: left;"><ol style="text-align: left;"><li>ไม่ยุ่งกับชีวิตคนอื่น</li><li>ไม่ดูเรื่องร้ายไม่ฟังเรื่องร้าย</li><li>ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น</li><li>ไม่ดูถูกผู้อื่น</li><li>ปล่อยวางอดีตปล่อยวางอนาคต</li><li>นั่งสมาธิ เจริญสติอยู่เสมอ</li><li>ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใด </li></ol></blockquote><blockquote style="border: none; margin: 0px 0px 0px 40px; padding: 0px; text-align: left;"><ul style="text-align: left;"><li>การยึดมั่นถือมั่นคือต้นเหตุแห่งทุกข์</li></ul></blockquote><div>เมื่อเราหลีกจากความทุกแล้ว เราจะทำสร้างชีวิตอย่างไรให้มีความสุข</div><div><ol style="text-align: left;"><ol><li>ทบทวนถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ชื่นชมข้อดีของตนเองและผู้อื่น พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสุข</li><li>มีอารมณ์ขันและส่งยิ้มให้กันอยู่เสมอ</li><li>กล่าวคำขอบคุณให้เป็นนิสัย และขอโทษเมื่อทำผิด</li><li>ตั้งเป้าหมายถึงสิ่งที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข และลงมือทำให้สำเร็จ</li><li>หยุดคิดเล็กคิดน้อย ยอมรับข้อบกพร่องของผู้อื่น</li><li>ยึดหลักความพอเพียงในการดำเนินชีวิต</li><li>ใส่ใจสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน ช่วยคลายความเครียด นอนหลับดีขึ้น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุราและสารเสพติด</li><li>ออฟไลน์ออกจากโลกโซเชียล แล้วหันมาพูดคุย ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับคนใกล้ชิดและคนรอบข้าง</li><li>ทำงานอดิเรกที่ชอบหรือทดลองทำอะไรใหม่ๆ</li></ol></ol></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-41985732639733221612023-11-14T16:40:00.001-08:002023-11-15T02:46:36.960-08:00การเป็นลูกจ้างกับเจ้าของกิจการ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhXv9zrVwwxJa6RDG0WBN5EgBBeBSHCx3Hgg2cbN3iKitEGog_lXv6ypXXvGpRFYfyNE6k6yNDmZZ-X-r5N590rMGe5mb3G-a2y1fsKWScOTl_qOUVxTfgtAwjLV52_XIeB2sEfyyl3a_MXHl1KrN_FZTba82yumN5CCUF0P4jDipxTwERRorNAaoXR-PU" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhXv9zrVwwxJa6RDG0WBN5EgBBeBSHCx3Hgg2cbN3iKitEGog_lXv6ypXXvGpRFYfyNE6k6yNDmZZ-X-r5N590rMGe5mb3G-a2y1fsKWScOTl_qOUVxTfgtAwjLV52_XIeB2sEfyyl3a_MXHl1KrN_FZTba82yumN5CCUF0P4jDipxTwERRorNAaoXR-PU" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ลูกจ้าง VS เจ้าของกิจการ ทำงานไหนดี!?</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">เป็นเจ้าของกิจการดีกว่า เพราะ…</div><div class="separator" style="clear: both;">1) เป็นลูกจ้างต้องยอมรับในกฎเกณฑ์ หรือคำตัดสินของนายจ้างเสมอ</div><div class="separator" style="clear: both;">2) เป็นลูกจ้างต่อให้นายจ้างได้กำไรหมื่นล้าน เราก็ยังได้เงินเดือนเท่าเดิม</div><div class="separator" style="clear: both;">3) เป็นลูกจ้างต้องถูกใช้งานจนคุ้ม คือคุ้มในความคิดของนายจ้าง แต่อาจไม่คุ้มกับค่าแรงของเราเอง</div><div class="separator" style="clear: both;">4) เป็นลูกจ้างต้องอึด ถึก ทน กับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ที่เกิดจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าแต่ละระดับชั้น และจากนายจ้างด้วย</div><div class="separator" style="clear: both;">5) เป็นลูกจ้างต้องทนทำในสิ่งที่ไม่ได้ชอบ หรือบางครั้งก็ไม่ถนัด เพราะไม่มีทางเลือก</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">เป็นลูกจ้างดีกว่า เพราะ…</div><div class="separator" style="clear: both;">1) เป็นเจ้าของกิจการต้องรับผิดชอบทั้งกิจการและคนในความดูแล รวมทั้งต้องรับมือทุกปัญหาที่เกิดขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both;">2) เป็นเจ้าของกิจการต้องรับภาระหนี้ และต้องพร้อมรับมือเศรษฐกิจขาลงมากกว่า</div><div class="separator" style="clear: both;">3) เป็นเจ้าของกิจการต้องได้รับผลกระทบจากผลงานของพนักงานโดยตรง ไม่ว่าผลนั้นจะออกไปในทางบวกหรือลบ</div><div class="separator" style="clear: both;">4) เป็นเจ้าของกิจการต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาพนักงานดีๆ เอาไว้</div><div class="separator" style="clear: both;">5) เป็นเจ้าของกิจการต้องบริหารงานเป็น เพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของคนรอบข้าง และคนในวงการธุรกิจเดียวกัน</div></div></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อาชีพลูกจ้างกับอาชีพเจ้าของกิจการนี้มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ลูกจ้างทำงานให้กับนายจ้างหรือเจ้าของกิจการนั่นเอง ตามความต้องการของเขา แลกกับเงินที่ได้โดยสร้างความพอใจให้นายจ้าง แต่อาชีพลูกจ้างก็ถือว่ามีเกียรติเช่นกัน โดยเฉพาะลูกจ้างที่เป็นผู้จัดการมีออาชีพ จะภาคภูมิใจที่ทำให้ธุรกิจเจริญเติบโต แม้ว่าจะเป็นธุรกิจของคนอื่นก็ตาม แต่เขาเจริญเติบโตได้เพราะฝีมือของเรา มีเจ้าของกิจการเป็นจำนวนมากที่ก่อนทำกิจการของตนเองได้เคยเป็นลูกจ้างมาก่อน การเป็นลูกจ้างทำให้เรียนรู้การทำงานมีประสบการณ์เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาในการทำธุรกิจของตนเอง มีโอกาสปฎิบัติจริง ส่วนคนที่เป็นนักศึกษาเรียนจบมาใหม่ทำธุรกิจของตนเอง เทียบกับคนที่เคยเป็นลูกจ้างมาก่อนแล้วมาทำธุรกิจคนที่เป็นลูกจ้างมาก่อนย่อมได้เปรียบมากกว่า เพราะได้เพิ่มพูนความรู้ให้เติบโดตมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบอาชีพลูกจ้าง กับอาชีพเจ้าของธุรกิจแล้ว ย่อมมีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งคู่ ดังจะกล่าวต่อไป</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ข้อดีของการเป็นลูกจ้าง</div><div class="separator" style="clear: both;">1. อาชีพรับจ้าง เป็นอาชีพมั่นคง ที่มีเงินได้เป็นประจำทุกเดือน พอสิ้นเดือนท่านจะมีเงินเป็นค่าขนมลูก ค่าใช้จ่ายทางบ้าน ค่าน้ำมันรถยนต์ และรายจ่ายอื่นๆ ที่จำเป็น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2. รายได้ของท่านสามารถสะสมเป้นเงินออมในรูปตัวเงิน ฝากธนาคาร หรือในรูปผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ สิ้นปียังได้เงินเดือนขึ้นหรือได้รับโบนัสประจำปี หรือบริษัทมีกำไรก็นำมาแจกพนักงาน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3. อาชีพรับจ้างมีความสบายไปอีกแบบ ตื่นเช้าแต่งตัวโก้ ออกจากบ้าน เข้าที่ทำงานที่เป็นอาคารใหญ่โตหลายชั้น ติดแรแบบสบาย มีคนทำความสะอาดเรียบร้อย นั่งประจำอยู่โต๊ะทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ในสัปดาห์หนึ่งก็ทำงาน 5 วัน มีวันหยุด เสาร์ และอาทิตย์ หลังเลิกงานก็วางทุกอย่างไว้ที่ทำงานไม่ต้องนำกลับไปทำต่อที่บ้าน มีเวลาว่างพักผ่อนเป็นของตนเอง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">4. ในแต่ละปีจะมีวันหยุดเทศกาลต่างๆ วันหยุดพักประจำปี หรือวันพักร้อน โดยจ่ายเงินให้ไม่ต้องไปทำงาน เวลาเจ็บป่วยได้รับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">5. การเป็นลูกจ้าง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเจ้างของ แต่ต้องมีการรับผิดชอบมาก ทำงานหนัก ให้ธุรกิจนายจ้างเจริญเติบโต สิ่งที่ลูกจ้างได้รับคือความมีน้ำใจ และมีโอกาสได้แสดงความสามารถ สิ่งตอบแทนที่นายจ้างให้ท่านคือความไว้วางใจ ตอบแทนด้วยการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ให้รับผิดชอบสูงขึ้น ให้เงินเดือนสูงขึ้น มีรถประจำตำแหน่ง เป็นที่นับหน้าถือตาของนายจ้างและเพื่อนร่วมงาน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การเป็นลูกจ้างมีข้อเสียเหมือนกัน</div><div class="separator" style="clear: both;">การทำงานแม้ว่าจะสบายในระดับหนึ่ง มีรายได้ประจำ มีความภูมิใจที่ทำให้ธุรกิจของเขาเจริญเติบโตด้วยการใช้ความสามารถสูง ทำงานหนึ่ง รับผิดชอบสูงจนธุรกิจของเขาก้าวมาได้ถึงขั้นนี้ ถ้าคนคิดมากหน่อยจะเกิดความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเกือบตายนั้นไม่ได้เป็นของเรา แต่ถ้ามีความพอใจในสิ่งที่เขาตอบแทนให้แล้วมีความสุขไปอีกอย่าง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การทำงานเป็นลูกจ้างนั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจของนายจ้าง แม้ตัวท่านจะทำงานหนักทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานอย่างมาก แต่ทำงานไปอาจมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้า ถ้ามีตำแหน่งสูงขึ้นอาจไม่ได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งนั้น เมื่อยังมีญาติของเขาคอยอยู่ และในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทมีนโยบายลดคนงาน หรืออาจจะต้องหยุดกิจการชั่วคราว ความไม่มั่นคงเหล่านี้ก็จะตกกับคนงาน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">แม้แต่ลูกจ้างรัฐบาล ที่เห็นว่าเป็นงานที่มั่นคง มีเกียรติ ก็มีหลักการบริหารคล้ายคลึงกับเอกชนตรงที่ว่า บางครั้งผู้บริหารไม่มีความยุติธรรม แม้ท่านจะเป็นคนขยัน ทำงานดี รับผิดชอบสูงมีผลงานมาก แต่คนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้น บางครั้งขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้เป็นหัวหน้าหรือขึ้นอยู่กับพรรคพวกเดียวกัน หรือมีการเมืองขอมา ทำให้ผู้ทำงานหมดกำลังใจ นอกจากนี้แม้ทำงานเก่ง ได้ผลแต่ไม่ได้ทำความพอใจให้ผู้บังคับบัญชาก็อาจเขย่าความมั่นคงของท่านได้เช่นกัน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ข้อดีของการเป็นเจ้าของธุรกิจ</div><div class="separator" style="clear: both;">คนเรามีความคิดแตกต่างกัน บ้างก็พอใจที่จะเป็นลูกจ้าง บ้างก็อยากเป็นเจ้านายตัวเอง บ้างก็อยากเป็นเจ้าของกิจการ ต่อไปนี้จะพูดถึงการทำธุรกิจเป็นของตนเองจะได้อะไรบ้าง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">1. คนที่ทำธุรกิจเป็นของตนเอง มักจะมีความเชื่อว่า ธุรกิจของเราเอง แม้ว่าเราจะเริ่มจากเล็ก ๆ ก็ยังมีความภูมิใจ ได้ทำสิ่งที่ตนชอบ ถูกกับนิสัยและรักงานด้านนี้เท่ากับเป็นพลังให้เราต้องทำและขยายให้ใหญ่โตขึ้นให้ได้ เกิดความมั่นคงได้โดยไม่ต้องรอรับเงินเดือน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2. คนมีธุรกิจเป็นของตนเองนั้น มีความอิสระ พึ่งตนเอง โดยอาศัยความสามารถของตน ยืนอยู่บนขาของตนเอง และไม่ต้องฟังคำสั่งใคร เวลาไหนที่เราอยากได้เงินมากเราก็ยินดีทำงานหนักอย่างสุดกำลัง แต่ถ้าเวลาไหนจังหวะยังไม่อำนวยก็ค่อย ๆ ทำไป</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3. ท่านมีโอกาสได้ค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ที่ผู้อื่นมองไม่เห็น แต่เรามองเห็นแล้วนำมาใช้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">4. การมีธุรกิจของตนเองนี้เป็นงานที่ท้าท่ายใช้ความคิดตลอดเวลา สามารถออกคำสั่งเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้มายังสิ่งที่ยากทำ ไม่มีความเบื่อหน่าย</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">5. ท่านสร้างธุรกิจที่เป็นทรัพย์สินเหล่านี้ให้ตัวท่านเอง และทิ้งไว้ให้กับลูกหลานซึ่งลูกหลาน จะต้องสืบทอดเตจนารมย์ของท่านต่อไป และธุรกิจของท่านจะช่วยให้คนที่ร่วมงานกับท่านได้มีงานทำด้วย</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ข้อเสียของการทำธุรกิจเอง</div><div class="separator" style="clear: both;">1. ท่านภูมิใจในความสำเร็จที่ท่านทำธุรกิจเป็นของตนเอง แต่ก่อนสิ่งที่ท่านจะได้มานั้นท่านต้องยอมลำบาก แต่ความลำบากน้นท่านถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรา ท่านก็ต้องต่อสู้ โดยเฉพาะในระยะแรกที่ก่อตั้งธุรกิจต้องอดทนต่อสู้อย่างมาก ทำงานหนัก ความสบายที่สามารถนอนหัวค่ำตื่นสาย ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มีวันหยุดสุดสัปดาห์พาคราอบครัวไปเที่ยวนั้น ตัดทิ้งไปได้ ท่านต้องทำงานวันละ 14 ชั่วโมง เลิกงานแล้วต้องหอบงานเอากลับไปคิดต่อที่บ้าน บางครั้งการนอนก็ไม่เป็นสุข ต้องกลับไปครุ่นคิดทำงานแก้ปัญหา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2. ต้องมีทุนทำธุรกิจ ทุนนี้เกิดจากการเก็บหอมรอมริบเอาไว้ก็ต้องนำมาใช้ในการลงทุนครั้งนี้ ถ้าท่านตัดสินใจลงทุนไม่ถูกต้องก็ต้องสูญเสียเงินทองทั้งหมดที่ลงไป</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3. การเริ่มธุรกิจในระยะแรก พูดได้ว่ายังไม่มีรายได้ที่แน่นอน ซ้ำยังขาดทุนอีกด้วย ซึ่งต่างจากคนที่เป็นลูกจ้างจะได้รายได้แน่นอนทุกเดือน สำหรับการทำธุรกิจเอง นอกจากรายได้ไม่แน่นอนแล้ว ในเวลา 3-5 ปี ยังต้องขาดทุนอีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">4. ตามที่ท่านเคยคิดว่าภูมิใจ แต่การทำธุรกิจเป็นอาชีพอิสระ ไม่มีเจ้านายคอยยืนบังคับบัญชา ยืนอยู่บนขาของตนเอง แต่ท่านลืมไปว่าลูกค้านี่แหละคือเจ้านายของท่าน และผู้ที่ท่านผูกพันในการทำธุรกิจ เช่นผู้ที่ส่งวัตถุดับ อะไหล่ หรือบริการต่าง ๆ ก็เป็นนายอีกคนที่ท่านต้องยอม</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">5. ถึงแม้ว่าขณะที่ธุรกิจกำลังดำเนินในระยะแรกนั้น แม้ว่าจะไปได้บ้าง หรือแม้ว่าจะต้องกำลังเผชิญศึกหนัก ตัวผู้ประกอบการจะขะมักเขม้นคิดหนัก ไม่มีเวลาให้กับเพื่อนและครอบครัว ทำงานแข่งกับเวลา ต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่ได้คาดคิด กำลังอยู่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จะถอนตัวก็ไม่ได้ จำใจต้องต่อสู้ต่อไป หวังเพียงให้ธุรกิจรอดก่อน แล้วค่อยหาควาสุขใส่ตัวในภายหลัง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ท่านคงได้เห็นข้อได้เปรียบเสียเปรียบในการเป็นเจ้าของธุรกิจหรือการเป็นลูกจ้างแล้ว ท่านคงพอนึกภาพออกบ้างแล้ว และได้ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ของการเป็นเจ้าของธุรกิจและการเป็นลูกจ้าง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-14764479401989606092023-11-14T16:33:00.001-08:002023-11-15T02:27:33.341-08:00คบคนแบบไหนมักได้แบบนั้น<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgWHDqAHXU_ZCQl33jvtdbjE13Kcxfn2awor4PgXVssD33gQttod-aUtPYldKhhspY98NFGcgae3FsIupo0dYSdKlBJzkhs7I39iV4xIeuy94775868gh3tpsebwKYNqw0QRWTE67aNo6UiizF-siuTlamlptiAGBWqi74TRb5VxHacpNH98zojKv2we34" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEgWHDqAHXU_ZCQl33jvtdbjE13Kcxfn2awor4PgXVssD33gQttod-aUtPYldKhhspY98NFGcgae3FsIupo0dYSdKlBJzkhs7I39iV4xIeuy94775868gh3tpsebwKYNqw0QRWTE67aNo6UiizF-siuTlamlptiAGBWqi74TRb5VxHacpNH98zojKv2we34" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบคนเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต เพราะสามารถนำอนาคตของเรารุ่งโรจน์หรือตกต่ำได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า การไม่คบหาสมาคมกับคนพาลเป็นมงคลของชีวิต เพราะคนพาลมักคิดไม่ดีพูดไม่ดี ทำไม่ดีเป็นปกติ ชอบชักนำไปในทางที่ผิด ผู้ที่เข้าใกล้จึงมักมีความคิดเห็นผิดตามไปด้วย ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต จึงจำเป็นต้องหลีกให้ห่างไกลจากคนพาล</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">มิตรแท้มีอยู่ 4 ประเภทคือ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> 1. มิตรมีอุปการะ ตั้งแต่รักษาเพื่อนไม่ให้ประมาทรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาท เมื่อมีภัยก็เป็นที่พึ่งพำนักได้ เมื่อเพื่อนเดือดร้อนในเรื่องเงินทองก็ไม่ทอดทิ้ง มีแต่เพิ่มทรัพย์ให้หลายๆ เท่า</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> 2. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ท่านกล่าวว่าเป็นมิตรแท้เหมือนกัน ใครคบหาด้วยก็มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต มีความจริงใจต่อกัน บอกความลับแก่เพื่อน และก็ปิดความลับของเพื่อนไม่ให้คนอื่นรู้เมื่อถึงคราวคับขันมีอันตรายเกิดขึ้นก็ไม่ละทิ้งกัน แม้ชีวิตก็ยอมสละได้ โบราณถึงกล่าวว่า เพื่อนกินหาง่ายเพื่อนตายหายาก จะรู้ว่าเป็นมิตรแท้หรือ ไม่แท้ก็ดูกันตรงนี้แหละ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> 3. มิตรแนะประโยชน์ คือห้ามเพื่อนจากความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี ให้เพื่อนได้ฟังแต่สิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นสิริมงคลและก็บอกทางสวรรค์ให้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> 4. มิตรมีความรักใคร่ มีลักษณะคือ ไม่ยินดีในความล้มเหลวของเพื่อน เมื่อเพื่อนประสบความเจริญรุ่งเรืองก็ยินดีปรีดาและเป็นพวกพ้องกันห้ามปรามคนที่มากล่าวโทษของเพื่อน และก็สรรเสริญคนที่สรรเสริญเพื่อน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบคนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตมาก ถ้าเลือกคบคนที่ไม่ดี ก็จะพากันทำแต่สิ่งที่ไม่ดี ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม ทำให้คนในครอบครัวได้รับความเดือดร้อนและทุกข์ใจ เหนื่อยใจ แต่ถ้าเลือกคบคนที่ดี จะพากันทำให้ชีวิตดีขึ้น ได้มีแรงบันดาลใจที่ดีขึ้น ได้ก้าวเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ได้พัฒนาตัวเองในเส้นทางที่ถูกต้อง และที่สำคัญทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ มีหน้าที่การงานที่มั่งคง เป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่ สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้และทำให้ใช้ชีวิตมีความสุขและสบายขึ้น ซึ่งบทสรุปในการคเพื่อนที่ดี มี4ประเด็นสำหรับดังนี้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"> 1. เพื่อนเป็นแรงบันดาลใจที่ดี</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบเพื่อนที่ดี จะนำพาให้เราได้ทำในสิ่งที่ดี นำพาให้เราเป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อนเป็นแรงบันดาลใจให้มีความตั้งใจในการเรียน เป็นแรงบันดาลใจให้มีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน เพื่อนเป็นคนที่นำพาให้เราได้ประสบความสำเร็จในชีวิตที่พ่อแม่ได้ตั้งใจไว้และที่สำคัญเป็นที่ภาคภูมิใจในตัวพ่อแม่อย่างมาก</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2. ได้ก้าวตามเส้นทางที่ถูกต้อง</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบคนที่ถูก จะทำให้ชีวิตได้ก้าวเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ได้พัฒนาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น ได้เติบโตในเส้นทางที่ถูกต้อง ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าในชีวิตแม้ในเส้นทางที่ต้องเดินจะใช้ระยะเวลาที่นาน ต้องใช้ความพยายาม ต้องใช้ความอดทนก็ตาม แต่สุดท้ายเราได้เลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้องได้เป็นคนดีตามที่พ่อแม่ได้หวังไว้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">3. ได้ทำให้ชีวิตพัฒนาในทางที่ดีขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบเพื่อนที่ดี ทำให้ได้พัฒนาตัวเองในทางที่ดีขึ้น ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นในชุมชน ได้ลดการดูถูกจากคนรอบข้าง ได้ทำให้ชีวิตหลุดพ้นจากความผิดพลาดในอดีต และที่สำคัญเพื่อนที่ดีทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น มีความรับผิดชอบในตัวเองมากขึ้นและมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจนขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">4. ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การเลือกคบเพื่อนที่ดี ทำให้มีความตั้งใจในการเรียน มีความมุ่งมั่นในกิจกรรมต่างๆ ได้รับมิตรภาพที่แท้จริงและจริงใจจากเพื่อน ทำให้มีความอดทนต่อความสำเร็จ และที่สำคัญเพื่อนทำให้ชีวิตเราได้ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีอนาคตที่มั่นคงเป็นที่ภาคภูมิใจของพ่อแม่</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-42525845996579343932023-11-14T16:32:00.003-08:002023-11-15T01:25:40.718-08:00เมื่อโกรธจัดอย่าเพิ่งตอบข้อความใคร ลองฝึกใช้สติและสมาธิดู<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjHd4dbpmdqvl_FAPbNmm8-bSFDtP4Ni3vEXRxJpVVoopbvLIYPdamGJLGumMpGT5Ea6OlGVczlO7b6jrj1QHBYtfBRrWmeWkrDr75WlNXQRSs1Yqdcpqy3XCOk8NC9TV88T5r2nQH0hDpImO4Gw5qLpxt8GD7vkVNHmswREPYkw85yxaf8HKn_dR4pFhE" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjHd4dbpmdqvl_FAPbNmm8-bSFDtP4Ni3vEXRxJpVVoopbvLIYPdamGJLGumMpGT5Ea6OlGVczlO7b6jrj1QHBYtfBRrWmeWkrDr75WlNXQRSs1Yqdcpqy3XCOk8NC9TV88T5r2nQH0hDpImO4Gw5qLpxt8GD7vkVNHmswREPYkw85yxaf8HKn_dR4pFhE" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both;">เมื่อโกรธจัด... อย่าเพิ่งตอบข้อความใคร</div><div class="separator" style="clear: both;">เมื่อดีใจ... อย่าเพิ่งให้สัญญา</div><div class="separator" style="clear: both;">เมื่อเศร้าหนักหนา... อย่าเพิ่งตัดสินใจ</div><div class="separator" style="clear: both;">- เล่าจื๊อ -</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">จากสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีการสื่อสาร ล้วนก่อความเครียดให้ประชาชนได้ง่าย การคลายเครียดมีหลายวิธีที่ได้ผล เช่น การออกกำลังกาย แต่ประชาชนบางคนอาจไม่สะดวก หรือมีข้อจำกัดต่างๆ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ดังนั้นเราควรใช้วิธีการฝึกทำสมาธิ ซึ่งเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด มีรูปแบบที่ง่าย สามารถปฏิบัติได้ด้วยตัวเอง ทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปทำที่วัด สามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุ ผู้ที่กำลังนอนป่วยก็ทำได้ หลักสำคัญของการทำสมาธิ คือ การเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว วิธีที่แนะนำ คือ การนับลมหายใจของตัวเองเป็นหลัก และยุติการคิดเรื่องอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง การทำสมาธิจะช่วยให้จิตใจสงบ ปลอดความคิดฟุ้งซ่าน ความกังวล เศร้า โกรธ ซึ่งเป็นผลมาจากความเครียด</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">วิธีการฝึกสมาธิโดยการนับลมหายใจมีเพียง 3 ขั้นง่ายๆ ดังนี้ </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">1. ให้นั่งหรือนอน แล้วหลับตา เพื่อตัดสิ่งรบกวนทั้งหมด หายใจเข้า-ออกช้าๆ พร้อมนับลมหายใจเข้า-ออก คือ ลมหายใจเข้านับ 1 หายใจออกก็นับ 1,หายใจเข้านับ 2 หายใจออกก็นับ 2 นับไปเรื่อยๆ ลักษณะเดียวกันจนถึง 5 แล้วให้เริ่มนับ 1 ใหม่ นับไปจนถึง 6 แล้วกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่ และเพิ่มจำนวนไปถึง 10 เมื่อครบ 10 ถือเป็น 1 รอบ แล้วจึงเริ่มนับ 1 ใหม่ ไปจนถึง 10 และทำซ้ำๆ กัน จนใจสงบและนิ่งขึ้น โดยผู้ที่เริ่มฝึกครั้งแรก อาจจะนับเลขผิดพลาดได้ เนื่องจากอาจยังไม่มีสมาธิพอหรืออาจจะมีความคิดอื่นๆ ผุดขึ้นมาระหว่างนับลมหายใจ ไม่ต้องกังวลใจ ขอให้พยายามตั้งสติใหม่ ประการสำคัญเมื่อมีความคิดแทรกขึ้นมา ขอให้รับรู้และปล่อยไป ไม่เก็บมาคิดต่อ สมาธิจะดีขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2.เมื่อใจสงบมากขึ้นแล้ว ให้เริ่มนับลมหายใจเข้า-ออกเร็วขึ้นไปอีก และต่อเนื่องกัน คือหายใจเข้านับ 1 หายใจออกนับ 2 หายใจเข้านับ 3 หายใจออกนับ 4 ไปจนถึง 10 และขั้นที่ 3 หากนับลมหายใจเข้า-ออกได้เร็วและไม่ผิดพลาด แสดงว่าจิตใจสงบมากแล้ว </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3.ให้ใช้สติมารับรู้รับลมหายใจเข้า-ออก เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องนับเลข และไม่คิดเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่เรื่องสงบเท่านั้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">“หากเราฝึกสมาธิเป็นประจำ โดยใช้เวลาเพียง 15 นาที วันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็นหรือก่อนนอน จะทำให้จิตใจเราสงบ เบิกบาน อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส หายเครียด จนตัวเองและคนใกล้ชิดรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งการฝึกสมาธิได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก มีงานวิจัยยืนยันตรงกันว่ามีผลดีต่อร่างกายและจิตใจ ช่วยทำให้จิตสงบ โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟินส์ (Endorphins) หรือสารแห่งความสุขออกมา ช่วยให้ระบบประสาทสมองทำงานเป็นระเบียบ การทำงานของอวัยวะมีประสิทธิภาพดีขึ้น สามารถป้องกันการเกิดโรคที่มีความสัมพันธ์กับความเครียด ได้อย่างน้อย 6 โรค ได้แก่ โรคซึมเศร้า โรคอัลไซเมอร์ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารทุกข์ คือ อดรีนาลิน (Adrenalin) ทำให้หลอดเลือดตีบตัว มีผลทำให้หัวใจต้องเต้นเร็วและแรงขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่าภาวะจิตใจที่เครียดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้ถึง 1 ใน 3”</div></div></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-39116965902229814222023-11-14T16:32:00.001-08:002023-11-15T02:41:19.657-08:00คำขอบคุณยามเช้า | คำพูดตอนเช้าของคุณคือ คาถาศักดิ์สิทธิ์ | ขอบคุณตอนเช้า <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEiPn19T_hfJ2bx9-RGgZBwH3099J5VEaqaMOgYS76Qf0ZKW5e58LxIhvUO0TZuswkGxibar8y0J1gfRC6jIRk7w7hik3MP0oQh4_vQlNO5oyECTam0EHTiaGb3voW6LJxYefoCBYiTwkG3bkh67uV7fo45DIKP3-6KEm-jPnyEikFLaENBS3b51NCeMlRs" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEiPn19T_hfJ2bx9-RGgZBwH3099J5VEaqaMOgYS76Qf0ZKW5e58LxIhvUO0TZuswkGxibar8y0J1gfRC6jIRk7w7hik3MP0oQh4_vQlNO5oyECTam0EHTiaGb3voW6LJxYefoCBYiTwkG3bkh67uV7fo45DIKP3-6KEm-jPnyEikFLaENBS3b51NCeMlRs" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นมา ขอให้รู้ไว้เสมอว่า ชีวิตของคุณมีค่ายิ่งนักที่ยังมีลมหายใจต่ออีกวัน เพราะทุกวันที่มีลมหายใจนั้น คุณยังสามารถสร้างประโยชน์และทำเรื่องราวดี ๆ ต่าง ๆ ได้อีกมากมาย</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">หรือหากแม้คุณกำลังอยู่ในช่วงเหนื่อย ล้า ท้อ หรือเศร้าจนไม่อยากจะลืมตาลุกมาเดินต่อไปก็ตาม ขอให้รับรู้ไว้เถิดว่า คุณโชคดีแล้วที่วันนี้ยังมีลมหายใจ เพื่อที่จะเรียนรู้วิถีทางแห่งการสั่งสมความเข้มแข็งให้กับตัวเอง แล้วทุกวันนี้หลังจากนี้ มันจะค่อย ๆ ดีขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">มีอีกหลายชีวิตที่อยากจะมีลมหายใจอยู่เพื่อสู้ต่อ ทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขาเหล่านั้นรัก แต่เขาไม่มีโอกาส คุณคือคนที่มีโอกาสหายใจต่อ จงขอบคุณและรักษาลมหายใจอันมีค่านี้ไว้ให้ดี</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องแย่ และก็ไม่ได้มีแต่เรื่องให้ยิ้มได้ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดา ขอแค่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกสภาวะให้ได้ด้วยใจที่ยอมรับก็เพียงพอแล้ว</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">จงขอบคุณทุกโอกาสในชีวิตที่ผ่านเข้ามา และจงเรียนรู้ที่จะแบ่งปันในโอกาสที่เราพร้อมจะทำได้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">สำหรับใครที่กำลังหมดไฟ ท้อแท้ ไม่อยากจะก้าวต่อไปแล้ว เราก็ได้รวบรวมคําคมชีวิตต้องสู้เพื่อเพิ่มพลังบวกให้คุณมีแรงใจกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง โดยมีดังนี้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><ul style="text-align: left;"><li>พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้</li><li>เดินหน้าไม่ได้อยู่ที่ขาแต่อยู่ที่ใจ</li><li>อย่าเติมเต็มชีวิตด้วยความเครียด</li><li>ชีวิตเราเริ่มใหม่ได้เสมอ ถ้าเราไม่คิดจะล้มเลิก</li><li>ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่าย มันท้าทายเสมอ</li><li>จงปล่อยวางกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้</li><li>ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง</li><li>โลกใบนี้มันมีไว้เหยียบไม่ได้มีไว้แบก</li><li>ทุกความเจ็บปวดล้วนทำให้เราเติบโต</li><li>หมื่นทางตันยังมีทางหนึ่งให้ออกเสมอ</li><li>ฝึกทิ้งขยะในใจให้เหมือนทิ้งขยะในมือ</li><li>พักเมื่อท้อไปต่อเมื่อพร้อม</li><li>มันก็เป็นแค่วันแย่ๆ แต่ไม่ใช่ทั้งชีวิตหรอกที่แย่</li><li>เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะความจนมันน่ากลัว</li><li>พึ่งคนอื่น พึ่งได้แค่ชั่วคราว ถ้าอยากพึ่งยาวๆ ต้องพึ่งตัวเราเอง</li><li>ชีวิตที่ผ่านมาคือครู ชีวิตที่เหลืออยู่คือโอกาส</li><li>จงใช้อดีตให้เป็นแรงผลักดัน ไม่ใช่แรงบั่นทอน</li><li>การได้ตื่นมาใช้ชีวิตในทุกๆ วัน คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว</li><li>ทุกๆ เช้าวันใหม่จะมาพร้อมกับโอกาสให้เราเริ่มต้นอีกครั้ง</li><li>สิ่งที่กำลังจะมาถึงย่อมดีกว่าที่สิ่งผ่านไปแล้วแน่นอน</li><li>อย่าไปเสียดายกับเรื่องที่ผ่านมาแต่จงมีความสุขกับเวลาที่เหลือ</li><li>ความสุขทำให้เรามีรอยยิ้ม ความทุกข์ที่เราผ่านได้ก็เช่นกัน</li><li>นกไม่กลัวกิ่งไม้หัก ไม่ใช่มันมั่นใจในกิ่งไม้ แต่มันมั่นใจในปีกของมัน</li><li>ธรรมชาติสร้างอุปสรรคขึ้นมาเพื่อให้เรารู้จักคำว่าการต่อสู้ในชีวิต</li><li>จงยิ้มให้กับความหวังและเพิ่มพลังให้กับชีวิต</li><li>แสงของวันใหม่มาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ เสมอ</li><li>อย่าเสียใจที่มันได้จบลง แต่จงขอบคุณที่มันเคยเกิดขึ้น</li><li>ไม่ต้องยืนให้สูง ไม่ต้องยืนให้เด่น ขอแค่ยืนให้เป็น แล้วไม่ล้มก็พอ</li><li>ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แม้กระทั่งความทุกข์ที่เข้ามา แต่เดี๋ยวก็จะจากไป</li><li>ชีวิตมีอุปสรรคมากมายสิ่งสำคัญคือล้มเเล้วต้องรีบลุก</li><li>ถ้าวันนี้ไม่รู้จะยิ้มกับใครยิ้มกับตัวเองในกระจกก็ได้นะ</li><li>ทุกเช้าอาจไม่ดีแต่มีบางสิ่งที่ดีในทุกวัน</li><li>ขอบคุณความไม่มี ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้</li><li>ความหวัง คือสิ่งเดียว ที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อได้</li><li>เขียนไว้ในใจว่าเช้าทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดในปี</li><li>ลุกขึ้นเริ่มต้นใหม่มองเห็นโอกาสที่สดใสในแต่ละวัน</li><li>ถนนบางสายไกลหน่อยแต่ก็ยังมีวันถึง</li><li>ให้ที่ดีคือให้อภัยให้ต่อไปคือให้โอกาสตัวเอง</li><li>ความสุขไม่ใช่การมีครบทุกอย่าง แต่ความสุขคือการปล่อยผ่านสิ่งที่ไม่จำเป็น</li><li>ถึงวันนี้เป้าหมายยังอยู่อีกไกล เดินไปพักไป แต่ถ้ายังมีลมหายใจยังไงก็ถึง</li><li>ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่กล้ายิ้มให้ความทุกข์ ผู้ที่มีความสุขคือผู้ที่หัวเราะให้อุปสรรค</li><li>คืนใดมืดที่สุดจะเห็นดาวชัดที่สุด วันใดทุกข์ที่สุดจะเห็นว่าใครรักเรามากที่สุด</li><li>คําคมชีวิตต้องสู้ให้คุณพยายามทำต่อไป</li><li>คําคมชีวิตต้องสู้ให้พยายามสู้ต่อไป</li></ul></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ใครที่กำลังพยายามทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จอยู่ เราก็ได้รวบรวมคําคมชีวิตต้องสู้เพื่อเป็นกำลังใจให้คุณสู้ต่อไปอย่างไม่หยุด โดยมีดังนี้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><ul style="text-align: left;"><li>ถ้าเชื่อว่าไม่แพ้เราก็จะไม่แพ้</li><li>กำลังใจที่ดีคือกำลังใจจากตัวเอง</li><li>จงก้าวไปข้างหน้าถึงจะช้าแต่ก็ยังดีกว่าถอยหลัง</li><li>ยังหาย ใจ อยู่ ก็ สู้ ต่อไป</li><li>ไปให้สุดอย่ายอมหยุดเพียงเพราะเหนื่อย</li><li>เรามีต้นทุนน้อยกว่าเขา เราก็ต้องดิ้นรนมากกว่าเขา</li><li>ถ้าล้มเราอาจจะได้แผล ถ้ายอมแพ้เราอาจจะไม่ได้อะไรเลย</li><li>ความพ่ายแพ้จะไม่มีวันสูญเปล่า ถ้าเรารู้จักเอามาเป็นบทเรียน</li><li>ผู้ชนะ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้มเหลว แต่เป็นคนที่ไม่เคยล้มเลิก ในสิ่งที่ตัวเองทำ</li><li>อย่าท้อกับชีวิต แม้วันนี้มันไม่ดี ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ดีเสมอไป</li><li>ชีวิตเราเริ่มใหม่ได้เสมอ ถ้าเราไม่คิดจะยอมแพ้</li><li>อย่าอ้างต้นทุนชีวิตว่าต่ำกว่าใคร ผลกำไรขึ้นอยู่ที่ใจและความพยายาม</li><li>ท้องฟ้ากว่ามันจะสว่าง มันก็ต้องผ่าน ความมืดมิดมาก่อน</li><li>ชีวิตคือการผจญภัยที่กล้าหาญ หรือเลือกที่ไม่มีอะไรเลย</li><li>ทุกเส้นทางถูกลิขิตไว้แล้ว แต่ทางที่เลือกเดิน มันขึ้นอยู่ที่ตัวเราเอง</li></ul><div>จงเริ่มต้นทุกเช้าด้วยการขอบคุณ ขอบคุณตัวเองที่ผ่านวันแย่ๆ มาได้ ขอบคุณตัวเองที่ตื่นมาในเช้าวันนี้ ขอบคุณที่เราจะผ่านวันนี้ไปได้อีกวัน และเติบโตขึ้นอีกในทุกๆ วัน เมื่อเรารู้สึกขอบคุณสิ่งธรรมดาก็กลายเป็นสิ่งพิเศษ สิ่งที่เรามองข้าม เราก็จะเห็นค่า ที่สำคัญอย่าลืมขอบคุณชีวิต</div></div></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-14613480713419867262023-11-14T16:31:00.001-08:002023-11-15T02:34:17.118-08:00โตให้เป็นเย็นให้พอ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEiGawaW0bnk8ouVunKcZoIhSTzaecKkNHTU7Or6ngBLE0PbdpsCJbpwffPQ4DqAcVSGlsJCfeyRl5t-tG3p9tfOjPTcZ7PXkk8voKm_6gGQbJEwSw3T81fzt5jPuOcaeUXtQyVhpWdFOu6bvPkHggGUuCURzEztxJ6J8gSAwdUBUXw5KkmUWp7UMACNSM8" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEiGawaW0bnk8ouVunKcZoIhSTzaecKkNHTU7Or6ngBLE0PbdpsCJbpwffPQ4DqAcVSGlsJCfeyRl5t-tG3p9tfOjPTcZ7PXkk8voKm_6gGQbJEwSw3T81fzt5jPuOcaeUXtQyVhpWdFOu6bvPkHggGUuCURzEztxJ6J8gSAwdUBUXw5KkmUWp7UMACNSM8" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">1.การปรับตัว เป็นสิ่งที่สำคัญ องค์กรไหน ยังยึดแต่ความสำเร็จ เดิมๆ อาจไม่รอด</div><div class="separator" style="clear: both;">2.คนเก่งแต่งาน แต่ขาดมุมมอง เรื่องคน สุดท้ายจะไปไม่รอด</div><div class="separator" style="clear: both;">3.ความอดทน ไม่ท้อ ฝึกฝน พัฒนาตัวเองไว้ตลอด เมื่อโอกาส สามารถทำงานได้ทันที</div><div class="separator" style="clear: both;">4.ความสำเร็จ ของ คนๆหนึ่ง ทุกอย่าง ต้อง อาศัย เวลา และการเรียนรู้ ประสบการณ์ และข้อสำคัญ คือความอดทน</div></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">โตมาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีเหมือนใคร</div><div class="separator" style="clear: both;">อยากได้อะไรต้อง . . " ดิ้นรนเอง "</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">👉หลายครั้งที่โดนดูถูก</div><div class="separator" style="clear: both;">👉หลายครั้งที่เจ็บปวด</div><div class="separator" style="clear: both;">👉หลายครั้งต้องปาดน้ำตา</div><div class="separator" style="clear: both;">👉หลายครั้งที่ถูกย่ำยีจิตใจ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ชีวิตจึงไม่ได้มองว่า . . " โลกสวย "</div><div class="separator" style="clear: both;">เมื่อก่อนยอมทุกอย่าง</div><div class="separator" style="clear: both;">สุดท้ายถูกเอาเปรียบทุกอย่าง</div><div class="separator" style="clear: both;">ชีวิตก็แบบนี้แหละ</div><div class="separator" style="clear: both;">ไม่ระวังตัวก็ต้องถูกแทงข้างหลัง</div><div class="separator" style="clear: both;">ไม่โทษใคร โทษตัวเองที่ผ่าน</div><div class="separator" style="clear: both;">ไว้ใจคนง่าย เชื่อใจคนหมด</div><div class="separator" style="clear: both;">ต้องจากนี้แม้จะเจ็บปวดแค่ไหน</div><div class="separator" style="clear: both;">ก็ขอเป็นไปในแบบตัวเอง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">👉ใครมาแบบไหน</div><div class="separator" style="clear: both;">ก็ยินดีให้คืนแบบนั้น</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่แบบสันโดษ</div><div class="separator" style="clear: both;">เตือนแค่ตัวเองไม่เอาเปรียบใคร</div><div class="separator" style="clear: both;">เท่านี้ก็พอแล้ว</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><b>อยู่อย่างไรถึงเรียกได้ว่า"อยู่เป็น"?</b></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่ท่ามกลางทุกข์ลำเค็ญไม่ปริบ่น</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่ในความเงียบงันและอดทน</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่อย่างไม่มีตัวตนบนถิ่นตัว</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่เหมือนซากหมาเน่าตายในสายน้ำ</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่อย่างไร้ซึ่งคำถามถึงความชั่ว</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่กับรอยบาดแผลลึกและหวาดกลัว</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่กับใจเต้นระรัวด้วยคับแค้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่กับใบหน้าเรียบเฉยนิ่งสนิท</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่ภายใต้ซากชีวิตที่ไร้แก่น</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่กับคำพูดโป้ปดเพื่อทดแทน</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่ไปเถิดหากว่าแม้นยังหายใจ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า "อยู่เป็น"</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่แม้เขาขู่ฆ่าเข่นยังอยู่ไหว</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่อย่างคนที่ไม่เหลือคุณค่าใด</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่ก็เพื่อจะตายไป..อย่างไร้เงา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่บนความอัปยศสลดใจ</div><div class="separator" style="clear: both;">อยู่เพื่อตายจากกันไป..ไร้ทรงจำ</div></div><div><br /></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-5292520501416242672023-11-14T16:30:00.001-08:002023-11-15T03:06:08.886-08:00ไม่มีบุคคลใดไม่ถูกนินทาในโลกนี้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEh92-sG4Tad_qMnyIHtHM1D0rDLhbzqx81iAUmCIiHEyR49DjtiMh2j4-2hw161i9t1fWD-oXrggCEH5WAMctmG8zA9dSnP71WJ2FlByZXzhzHiA54tIXWsdhFV5ZcUvbsR1-J9vuys1bkzEiIcS5x1c7pb_BrnWznrib_GtEjcxf4qhzNf8TEpUlL1sWU" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEh92-sG4Tad_qMnyIHtHM1D0rDLhbzqx81iAUmCIiHEyR49DjtiMh2j4-2hw161i9t1fWD-oXrggCEH5WAMctmG8zA9dSnP71WJ2FlByZXzhzHiA54tIXWsdhFV5ZcUvbsR1-J9vuys1bkzEiIcS5x1c7pb_BrnWznrib_GtEjcxf4qhzNf8TEpUlL1sWU" width="400" /></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">"นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต"</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">---------</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">"คำนินทา" คือ คำที่ติเตียนกล่าวหาว่าร้ายลับหลัง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งปกติธรรมดาของคนเราทั่วไปอยู่แล้ว ที่จะมีการนินทาว่าร้ายกัน มันสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ จากพุทธสุภาษิตนี้สอนให้รู้จักปลงกับการนินทา ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาของมนุษย์เรานี้ ซึ่งมีสรรเสริญก็ย่อมต้องมีนินทาเป็นของคู่กัน</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">คนนั่งนิ่ง เขาก็นินทา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">คนพูดมาก เขาก็นินทา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">แม้แต่คนพูดพอประมาณ เขาก็นินทา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การนินทา เป็นของยากที่จะละได้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">บางคนเมื่อหันไปทางซ้ายก็นินทามือขวา</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">หันไปทางขวาก็นินทามือซ้าย</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">มียุติธรรมอยู่ในข้อที่ว่านินทาได้ไม่เลือกหน้า</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สุดแต่ว่าอยู่ลับหลังเป็นใช้ได้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ผู้มีปัญญาย่อมไม่หวั่นไหวต่อคำนินทา!</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">หากเราทำตามแบบอย่างพระพุทธเจ้าได้ ก็คงมีความสุขดี ใครด่า ใครนินทา เราไม่ตอบโต้ใดๆ นิ่งเฉยๆ เขาอยากด่าก็เรื่องของเขา หากด่าได้ถึง ๗ วัน ก็คงหมดแรงและสลบไป เราห้ามคนอื่นไม่ให้นินทาด่าว่าไม่ได้ ก็ห้ามใจเราไม่ให้คิดและด่าตอบ เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขได้</div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"> เวลาคนนินทาด่าว่าเรา จะต่อหน้าหรือลับหลังก็ตาม หากเราทำใจนิ่ง ไม่รับรู้ ปิดประตูใจไม่เอามาคิด ไม่หวั่นไหวใดๆ ใจเราจะมีความสุขมีความสบายใจมาก เพราะไม่มีความเกลียด หรือความอาฆาตอยู่ในใจ และไม่ต้องมีวาจาหยาบคายไว้ตอบโต้ใคร คำด่าคำนินทาของผู้อื่น จักทำอะไรเราไม่ได้เลย หากเราไม่เอามาใส่ใจ หรือเอามาคิด</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการ นินทาหมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า “เรามาถูกทางแล้ว” แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา ขอให้รู้ว่า คำนินทาคือของคู่กับมนุษย์โลก มีมาช้านานแล้ว แม้แต่พระพุทธเจ้า นักบุญ คนที่สร้างคุณงามความดีไว้กับโลกมากมายยังถูกนินทา แล้วเราเป็นใครจะไม่ถูกนินทา ดังนั้น อย่าไปใส่ใจให้มาก ถ้าอะไรที่ดีเก็บไว้ปรับปรุงตัว อะไรที่ไม่ดี ทิ้งมันไว้ไม่ต้องไปตีราคาสร้างค่าให้คำพูดไร้สาระ ส่วนตัวเราเอง ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกตนเองให้เป็นผู้ไม่นินทาคนอื่นเช่นกัน</div></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-13930776076566040202023-11-14T16:29:00.003-08:002023-11-15T03:03:26.907-08:00อย่าเอากิเลสคนอื่นมาเป็นภาระของเรา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEj5HSlnuT9-ejc6ay8hIO-W4_0m0X16fBqiTo7ip8x4UIu5zs_Wp4zfIVdpKTVrTPBBZ29TdwlVrxkaS2scarupWuacCrJcoi9EgAEesyy84Vjt4XUkqa5wmE1hfN_JC-hqarTGk3crawSjwZclvPJaBte1QjmT7n5KO3asIIhm0MXOJEBYrZi2rRAMPvw" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEj5HSlnuT9-ejc6ay8hIO-W4_0m0X16fBqiTo7ip8x4UIu5zs_Wp4zfIVdpKTVrTPBBZ29TdwlVrxkaS2scarupWuacCrJcoi9EgAEesyy84Vjt4XUkqa5wmE1hfN_JC-hqarTGk3crawSjwZclvPJaBte1QjmT7n5KO3asIIhm0MXOJEBYrZi2rRAMPvw" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">ไม่เอากิเลสคนอื่นมาเป็นภาระของเรา</div><div class="separator" style="clear: both;">“อย่าไปยุ่งกับคนอื่น </div><div class="separator" style="clear: both;">อ่านจิตตนเองให้มาก</div><div class="separator" style="clear: both;">ยุ่งกับคนอื่นให้น้อยที่สุด</div><div class="separator" style="clear: both;">เขาจะชั่วเขาจะดีเรื่องของเขา</div><div class="separator" style="clear: both;">ไม่ต้องเอากิเลสคนอื่นมาเป็นภาระของเรา</div><div class="separator" style="clear: both;">คอยเฝ้ารู้จิตใจตัวเองไป</div><div class="separator" style="clear: both;">สิ่งที่ยังต้องเรียนต้องรู้ยังมีอีก ยังหยุดไม่ได้</div><div class="separator" style="clear: both;">ใส่ใจเรียนรู้จิตใจตนเองไป...</div><div class="separator" style="clear: both;">...รู้จิตคนอื่นไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์</div><div class="separator" style="clear: both;">รู้จิตตนเองอัศจรรย์ที่สุดเลย</div><div class="separator" style="clear: both;">มีความชั่วเท่าไหร่ก็รู้เท่าทันมันไป</div><div class="separator" style="clear: both;">คนภาวนาดีจะรู้ว่ากิเลสของเราเหลือเยอะ</div><div class="separator" style="clear: both;">คนภาวนาไม่ดีจะรู้สึกว่าเราน่ะดี”</div><div class="separator" style="clear: both;">หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช</div><div class="separator" style="clear: both;">วัดสวนสันติธรรม </div><div class="separator" style="clear: both;">๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">วิธีพ้นกิเลส</div><div class="separator" style="clear: both;">"วิธีที่เราจะพ้นจากกิเลส</div><div class="separator" style="clear: both;">ก็คือเรียนรู้ความจริงของรูปนามกายใจไป</div><div class="separator" style="clear: both;">ถ้าเห็นความจริงของรูปนามกายใจแล้ว</div><div class="separator" style="clear: both;">มันจะหมดความอยาก หมดความยึดถือ</div><div class="separator" style="clear: both;">หมดความดิ้นรนของจิต</div><div class="separator" style="clear: both;">จะไม่ไปหยิบขึ้นมา ก็ไม่ทุกข์</div><div class="separator" style="clear: both;">ฉะนั้นงานของเรา </div><div class="separator" style="clear: both;">งานหลักที่เราจะทำตัวเองให้พ้นจากอำนาจของกิเลสตัณหาได้</div><div class="separator" style="clear: both;">ก็คือการเรียนรู้ความจริงของกายของใจ"</div><div class="separator" style="clear: both;">หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๑</div></div><div class="separator" style="clear: both;"></div></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-9830669509715503192023-11-14T16:27:00.001-08:002023-11-15T03:12:02.163-08:00การรู้จักให้อภัยคือความเข้มแข็งที่สุด<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjUX5JDG-VurpdxXbjDXa5jxN3UkCda0Xa4K4pUcwyi6rZeXQ6Zkm7DdsgBSmdzu1wZ4thf5U1YToDozjjzZWEb6FozUP01MnBe_4rokKGqb8sxsszCz_18yZTzEeQpLr-AwUrUhH7bYARBq6eXaj3WU2_P2E7YT3kJhAQw3A9qvms3bDzNMQX55PwUgHI" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjUX5JDG-VurpdxXbjDXa5jxN3UkCda0Xa4K4pUcwyi6rZeXQ6Zkm7DdsgBSmdzu1wZ4thf5U1YToDozjjzZWEb6FozUP01MnBe_4rokKGqb8sxsszCz_18yZTzEeQpLr-AwUrUhH7bYARBq6eXaj3WU2_P2E7YT3kJhAQw3A9qvms3bDzNMQX55PwUgHI" width="400" />
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">การให้อภัยเป็นสิ่งที่สำคัญในทุกความสัมพันธ์และการเยียวยา หลายครั้งที่เราไม่สามารถให้อภัยได้ ให้อภัยไม่เป็น แต่การให้อภัยก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้เราสามารถมีความสุขได้มากขึ้น และเป็นอิสระจากความโกรธ ความไม่พอใจ ความเสียใจที่เกิดขึ้นได้อีกด้วย</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบหมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก กลายเป็นคนที่ถูกทุกอย่างแต่ไม่มีความสุข เพราะต้องสู้รบกับคนรอบข้างเต็มไปหมดเพื่อความถูกต้องที่ตนเองยึดมั่นถือมั่น ซึ่งส่วนใหญ่มันก็เป็นเพียงความถูกต้องที่กิเลสของตัวเองลากไป ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกต้องตรงธรรมอย่างแท้จริง ดังนั้น การยอมเสียเปรียบ การให้ผู้อื่นด้วยความเบิกบานจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เราคิดกัน มีแรงให้เอาแรงช่วย มีเงินให้เอาเงินช่วย มีความรู้ก็เอาความรู้เข้าไปช่วย ในหนึ่งวัน เราควรถามตัวเองว่า วันนี้เราได้ช่วยใครไปแล้วหรือยัง เราได้เสียเปรียบใครหรือยัง ถ้าคำตอบคือ “ยัง” ให้รู้เอาไว้เลยว่า เราเป็นอีกคนที่มีแนวโน้มจะหาความสุขได้ยากเต็มที</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัย เป็นยาขนานวิเศษอีกตัวหนึ่งที่สามารถช่วยเยียวยาจิตใจของเราได้ เมื่อเรารู้สึกโกรธแค้นคนที่ทุกข์ใจที่สุดก็คือตัวเราเอง ยิ่งเรายึดติดกับความโกรธแค้นนั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเราเองมากเท่านั้น ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและให้อภัย จึงมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของเราอย่างมาก</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">มนุษย์แต่ละคนมีการมองโลก และตีความเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและประสบการณ์ของบุคคลนั้นๆ ซึ่งเรามักหลงลืมความจริงในข้อนี้ และด้วยความแตกต่างของมุมมอง บ่อยครั้งจึงทำให้เป็นสาเหตุของความบาดหมางเกิดขึ้นได้ เรามักจะรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจจาก</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การกระทำของคนที่เรารัก และแคร์ มากกว่าคนอื่นทั่วไป เพราะเรามีความรู้สึกต่อคนๆ นั้นมากๆ การเรียนรู้ที่จะให้อภัย จะทำให้เราหันมามองเห็นมุมมองความแตกต่างที่เกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อย่างไรก็ตาม การให้อภัย ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะสามารถทำได้ภายในเวลาอันสั้น การให้อภัยเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา จึงจะสามารถทำได้ ซึ่งแต่ละคนก็ใช้เวลามากน้อยไม่เท่ากัน ซึ่งก่อนที่เราจะสามารถให้อภัยได้นั้น เราจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอยู่กับความรู้สึกนั้น ตกตะกอนกับ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">เรื่องราวที่เกิดขึ้น ก่อนจะนำมาถึงขั้นตอนการยอมรับ และให้อภัย </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัย ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความอ่อนแอ หลายคนคิดว่าการที่เราให้อภัยคนที่ทำให้เราเจ็บปวด</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">คือการยอม และนั่นคือความพ่ายแพ้ ซึ่งไม่จริงเลย การให้อภัย ในทางกลับกัน คือการแสดงความเข้มแข็ง และความรักตัวเองอย่างแท้จริง </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การที่จะให้อภัยใครสักคนได้ นั่นหมายความว่า เราจะต้องผ่านกระบวนการที่จะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด เราเข้มแข็งพอที่จะก้าวข้ามจุดนั้นๆ ในชีวิต และปล่อยให้เรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจเราได้อยู๋ในอดีต เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้อภัยเพื่อสุขภาพจิตของตัวเอง เพื่อให้เราสามารถเดินหน้าต่อไปในชีวิตได้อย่างมีความสุขที่แท้จริง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ความโกรธแค้น มีผลทั้งต่อสุขภาพจิต และร่างกายของเรา มีการศึกษาพบว่า การที่เรายึดติดความโกรธแค้นนั้น ๆ เอาไว้ มีผลต่อ ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ การทำงานของกล้ามเนื้อร่างกาย รวมไปถึงภาวะความเครียด และความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย ดังนั้น ถ้าเรารักตัวเองมากพอ เราจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเอง ใช้ชีวิตอีกแม้แต่เพียงหนึ่งวัน กับความรู้สึกโกรธแค้นนี้เลย</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">คำถามต่อไปก็คือ ทำอย่างไรเราถึงจะสามารถให้อภัยคนที่ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดได้ วันนี้แพรมี 4 วิธี</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การในการจัดการกับความรู้สึกตัวเอง เพื่อที่จะสามารถให้อภัยกับคนที่ทำร้ายเราได้ มาฝากกันค่ะ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> 1. ระบุว่าใครทำให้เรารู้สึกเป็นทุกข์ อะไรที่ให้เราเป็นทุกข์ และอะไรที่เราจะต้องให้อภัย</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> เมื่อเรารู้สึกโกรธแค้น ให้เราระบุว่า ใครทำให้รู้สึกโกรธแค้นนั้น ซึ่งอาจจะเป็นคนรักของเรา และถามตัวเองต่อว่า อะไรที่ทำให้เราทุกข์ใจ ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ เขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังให้เขาเป็น สุดท้าย เราจะต้องระบุว่า เราจะให้อภัยเขาในเรื่องอะไร ซึ่งในกรณีตัวอย่างนี้ เราอาจจะให้อภัย ในสิ่งที่เขาทำและมีผลกระทบต่อจิตใจเรา เข้าใจว่า เขาก็คือคนๆ หนึ่ง และความทุกข์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงความคาดหวังของเราเท่านั้น เป็นต้น</div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2. อยู่กับความรู้สึกนั้นๆ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">อย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น เนื่องจากเราเป็นมนุษย์ มีจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด ดังนั้น เราจึงรู้สึก โกรธ เสียใจ และทุกข์ใจ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ก่อนที่เราจะสามารถยอมรับความจริง เรียนรู้ และให้อภัยได้ เราจะต้องสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อเรากำลังอยู่ในขั้นตอนนั้น ก็ปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึก ได้ร้องไห้ ได้เศร้าเสียใจ และผ่านมันมาให้ได้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3. ทำความเข้าใจว่า การให้อภัย ให้ประโยชน์อย่างไรกับตัวเรา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย มันคือการแสดงความเข้มแข็งและรักตัวเองมากๆ เมื่อเรารักตัวเอง เราจะอยากให้ตัวเราก้าวไปข้างหน้า มีสุขภาพที่ดี และมีความสุข ดังนั้น การตระหนักว่า การให้อภัยดีต่อเราอย่างไร เราจะสามารถ ให้อภัยได้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"> </div><div class="separator" style="clear: both;">4. ให้อภัยและเรียนรู้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัยไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเป็นเพื่อนที่ดี กับคนที่เคยทำร้ายเราได้ การให้อภัย เป็นการปล่อยวางจากความโกรธแค้นที่อยู่ภายในจิตใจของเรา แต่เราควรเรียนรู้จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น และนำมันมาใช้ในการก้าวต่อไป อย่างดีกว่าเดิม</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน ไม่ใช่เป็นเรื่องสำหรับบางคนที่มีจิตใจดี แข็งแกร่งหรือมีความสุขเพียงเท่านั้น หากคุณกำลังต้องการคำแนะนำสำหรับการให้อภัยบางคนที่ทำร้ายคุณ เพื่อที่ทำให้คุณเป็นอิสระจากความโกรธ และเรื่องเหล่านั้น คุณสามารถลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดูได้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><b><br /></b></div><div class="separator" style="clear: both;"><b>วิธีการให้อภัยและปล่อยวางอดีต</b></div><div class="separator" style="clear: both;">1. อนุญาตให้คุณรับรู้ความเจ็บปวดของตัวเอง</div><div class="separator" style="clear: both;">ก่อนที่คุณจะให้อภัยใคร ในเรื่องอะไรคุณควรจะรับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเจ็บปวดให้ระดับไหน อารมณ์อื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ระหว่างการอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดเช่น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><ul style="text-align: left;"><li>ความเศร้าเสียใจ</li><li>ความผิดหวัง</li><li>ความโกรธ ความแค้น</li><li>ความอับอาย</li></ul></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">สิ่งเหล่าเป็นเป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ที่ทุกคนสามารถมีได้ การยอมรับว่าตนเองรู้สึกเหล่านี้ และอนุญาตให้ความรู้สึกเหล่านี้ได้แสดงออกมาเป็นเรื่องดี เพื่อที่จะเยียวยาและช่วยเหลือตนเอง หากคุณเริ่มต้นจากการแสร้งว่าคุณไม่ได้มีความเจ็บปวด หรือความรู้สึกอะไร คุณอาจไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ได้รับการเยียวยา </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">2. มีเวลาให้กับอารมณ์ด้านลบ</div><div class="separator" style="clear: both;">หากคุณอนุญาตให้ตนเองสามารถรู้สึกเจ็บปวด หรือแสดงออกทางอารมณ์จากการมีความรู้สึกเหล่านั้นได้แล้ว คุณควรมีเวลาให้กับอารมณ์เหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา คุณอาจร้องไห้หลังจากที่คุณได้รับรู้ความคุณไม่พอใจเรื่องนั้น การมีเวลาให้กับอารมณ์ด้านลบจะช่วยให้คุณได้ปลดปล่อยบางสิ่งออกมา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องจมดิ่งไปกับอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ คุณอาจสามารถสังเกตตนเองมากขึ้นหากคุณพยายามทำให้ตนเองเศร้าและยึดติดอยู่กับความเศร้าเหล่านี้ เพราะมีหลายคนที่ทำเหมือนกับเสพติดอารมณ์เศร้า เสียใจ เมื่อเศร้าเสียใจแล้วจะเกิดความพอใจขึ้นลึกๆ การมีเวลาให้กับอารมณ์ด้านลบเป็นเพียงการปลดปล่อยความรู้สึกออกมา</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">หากคุณเป็นคนที่ยุ่งและมีงานหนักทั้งวัน คุณต้องจัดเวลาให้ตนเองได้รับรู้อารมณ์เศร้า และทำให้ตนเองมีเวลาแสดงความเศร้าด้วยเช่นกัน เพราะการทำตัวเองให้ยุ่งจะสามารถทำได้เพียงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับอารมณ์ด้านลบ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">หากคุณเป็นคนที่มีแนวโน้มว่าจะจมอยู่กับอารมณ์ด้านลบ คุณอาจต้องเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง เพื่อไม่ให้ตนเองจมอยู่กับความเศร้า โดยสามารถสังเกตได้จากการดูว่าตนเองมีความพอใจลึกๆ หรือไม่เมื่อมีความเศร้า หรืออารมณ์บางอย่างเกิดขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">3. มองเข้าไปในเหตุการณ์นั้น </div><div class="separator" style="clear: both;">มองเข้าไปในเหตุการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ หรือเสียใจ เพื่อดูทที่มาที่ไปว่าอะไรที่คุณไม่พอใจ คุณต้องการอะไรในเหตุการณ์นั้นๆ และมองภาพรวมมากขึ้นว่าอะไรบ้างที่คุณสามารถจัดการควบคุมได้ อะไรบ้างที่คุณไม่สามารถจัดการควบคุมได้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">หากเป็นไปได้คุณอาจได้เข้าไปพูดคุยกับคนที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นเพื่อที่จะบอกให้เขารับรู้ว่าเรื่องไหนที่เขาทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาควรจะมีท่าทีที่ดีต่อสิ่งที่คุณได้บอกไปเสมอ หากคุณไม่สามารถบอกสิ่งเหล่านี้ได้ คุณสามารถใช้จินตนาการมองเข้าไปในเหตุการณ์นั้นแทน</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">4. เลิกมีมุมมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อ</div><div class="separator" style="clear: both;">การหยุดคิดว่าตนเองเป็นเหมือนเหยื่อในเหตุการณ์ อาจตอบสนองความรู้สึกลึกๆ บางอย่างภายใน แต่การมองว่าแท้จริง ณ เหตุการณ์นั้นคุณเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนในการควบคุมตนเองและสถานการณ์จะช่วยให้ทำให้คุณรู้สึกมีพลังมากขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การมองว่าตนเองเป็นเหยื่อของใครบางคนทำให้ตนเองรู้สึกไร้พลัง ไม่สามารถทำอะไรได้ และทำให้คุณเปลี่ยนท่าทีจากการเดินไปข้างหน้าเป็นการปกป้องตนเอง หรือการโทษสิ่งที่เกิดขึ้น การเลิกมองว่าตนเองเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ ไม่ได้หมายความว่าให้คุณมาโทษตัวเองว่าคุณเป็นคนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น แต่เพียงแค่ให้มีมุมมองใหม่ว่า คุณเป็นตัวของคุณเอง ตอนนี้คุณไม่ใช่เหยื่อของเหตุการณ์นั้น คุณมีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตนเอง</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">5. รับรู้สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นอย่างสดใหม่</div><div class="separator" style="clear: both;">คุณควรจะหาเวลาเพื่อรับรู้สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตขณะนี้เพื่อให้ตนเองได้รับพลังงาน ความสดชื่นจากสิ่งรอบตัว จากเรื่องต่างๆ เช่น </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><ul style="text-align: left;"><li>สภาพอากาศดีๆ</li><li>สุขภาพที่ดีที่ยังมี</li><li>เพื่อนเข้าใจคุณ</li><li>ครอบครัวที่ดี</li><li>ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ</li></ul></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">หรือเรื่องอื่นๆ ที่คุณมีความสุขเมื่อนึกถึงมัน บางครั้งการมีเรื่องเล้กน้อยที่มีความสุข อาจเป็นการที่เรามีบางอย่างเช่น มีอาหารที่อร่อยให้รับประทาน มีดวงตาที่สามารถทำให้เรามองเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ก็สามารถเป็นเรื่องดีๆ ให้กับเราได้</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">6. ปล่อยวางความเกลียดชัง</div><div class="separator" style="clear: both;">เมื่อเวลาผ่านไป หากมีความโกรธเกลียด เจ็บปวด หรือไม่พอใจเกิดขึ้น สิ่งที่คุณทำได้คือการมองและสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นอย่างเป็นกลาง และกลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน การเข้าใจว่าคุณไม่สามารถควบคุมและสั่งให้อารมณ์ความรู้สึกของตนเองมีแต่ด้านบวด หรือพอใจเพียงอย่างเดียวจะช่วยทำให้คุณอยู่กับความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจได้มากขึ้น</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การปล่อยวางความเกลีียดชังอาจไม่ได้เป็นการปลดปล่อยเพียงครั้งเดียว แต่มันอาจเป็นการค่อยๆ ปลดปล่อยที่ต้องอาศัยเวลา หากคุณมีความรู้สึกนึกคิดที่จะสนับสนุนความเกลียดชังในเรื่องนั้นๆ คุณควรจะกลับมารู้สึกตัวและหยุดเพิ่มเชื้อเพลิงของความเกลียดชังภายในใจคุณ</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">7. ให้อภัยอย่างสันติ</div><div class="separator" style="clear: both;">การให้อภัยจะค่อยๆ เกิดขึ้นภายในใจ คุณสามารถเลือกคำที่คุณรู้สึกเชื่อมต่อได้เพื่อให้อภัยเช่นคำว่า "ให้อภัย", "เข้าใจ", "ความรัก" อาจช่วยทำให้คุณให้อภัยได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คุณอาจลองศึกษาการให้อภัยของคนอื่นเพื่อเป็นตัวอย่างให้ตนเองให้อภัยได้รวดเร็วและง่ายมากขึ้นได้ด้วย</div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">8. สร้างช่วงเวลาที่ดีขึ้นมาใหม่</div><div class="separator" style="clear: both;">การอยู่ก้บความโกรธ ความเศร้าและไม่พอใจคต้องอาศัยพลังงานมาก หลังจากที่คุณได้อยู่กับความรู้สึกเหล่านั้น คุณควรจะใช้เวลาทำอย่าางอื่นเพื่อให้ตนเองมีความสุขและรู้สึกเติมเต็มบ้าง หากคุณมีความคืบหน้า คุณสามารถให้รางวัลเล้กๆ น้อยๆ กับตนเองเช่นพาตนเองไปทานอาหารที่อร่อยสักเล็กน้อย หรือดูหนังที่คุณสามารถปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ </div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both;">การสร้างช่วงเวลาที่ดีขึ้นมาใหม่อาจทำได้โดยการพบกับผู้คนใหม่ๆ เพราะการเริ่มต้นใหม่ช่วยทำให้คุณสามารถมีช่วงเวลาดีๆ เพิ่มขึ้นได้ และสิ่งนี้ควรเป็นของขวัญชิ้นหนึ่งของคุณที่ได้รับจากการให้อภัยด้วยเช่นกัน</div></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-82389210946182791292023-11-14T07:00:00.000-08:002023-11-14T07:05:47.475-08:00ทำความรู้จัก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) <p></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><br /><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhrFeSrMHhrYrgjSzR3NzMVjE6FUsdhzI0dtuBXKKDNmcqFBDoEpqzcyOiiu-msH2AL6xqPXZh9ex2tQWuKhuOJjUTyVyps5l-WiaPwYbgK9EYbPaYHjRJ7KrlzA4eyiJTXGhH1EsjYFsU6WRJPBFcn0P-IofI5Jbbvxz1T91v1ba_oBFJHCDDTIErFWQw" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhrFeSrMHhrYrgjSzR3NzMVjE6FUsdhzI0dtuBXKKDNmcqFBDoEpqzcyOiiu-msH2AL6xqPXZh9ex2tQWuKhuOJjUTyVyps5l-WiaPwYbgK9EYbPaYHjRJ7KrlzA4eyiJTXGhH1EsjYFsU6WRJPBFcn0P-IofI5Jbbvxz1T91v1ba_oBFJHCDDTIErFWQw" width="400" />
</a>
</div><br /><div> อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน<p></p><p>(Village Health Volunteer)</p><p><br /></p><p>อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) </p><p>อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือที่เราเรียกย่อ ๆ ว่า อสม. นั้น เป็นรูปแบบหนึ่งของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยผ่านกระบวนการอบรมให้ความรู้จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และการปฏิบัติงานด้วยความเสียสละต่อประชาชนในหมู่บ้าน กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา อสม. จึงเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามลำดับจนครอบคลุมหมู่บ้านในชนบทและชุมชนเมืองกว่า 8 แสนคน แม้ว่าพลังของ อสม. อาจจะดูเล็กน้อยดั่งเม็ดกรวดเม็ดทรายเมื่อยามกระจายอยู่ตามหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ แต่เมื่อมีการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเป็นชมรมฯ พลังเหล่านี้ก็มีความมั่นคงดั่งภูผา พร้อมที่จะต่อสู้และก้าวนำไปสู่การพัฒนาด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของภาคประชาชน</p><p></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhuX32nDhrAdRak_Buk1UNkI738tgu3HBVKSl2ZURZyqmgTpr3rxlQKn35z8N6YGPqS69UT2FHMHxHUzyfRtXVl5j-vQ3k3PQbbSzBxhR4t-LzYehftGA_JbyuyzFr5YzBuAQpL_i0RN_Zjk_P1ki_eAbAb3at0ouiv2rHUaVs7jTQqa5IMehpugeNyzXU" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhuX32nDhrAdRak_Buk1UNkI738tgu3HBVKSl2ZURZyqmgTpr3rxlQKn35z8N6YGPqS69UT2FHMHxHUzyfRtXVl5j-vQ3k3PQbbSzBxhR4t-LzYehftGA_JbyuyzFr5YzBuAQpL_i0RN_Zjk_P1ki_eAbAb3at0ouiv2rHUaVs7jTQqa5IMehpugeNyzXU" width="400" />
</a>
</div><br /><p></p><p>ประเภทและจำนวน</p><p>กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้มีอาสาสมัครสาธารณสุขในงานสาธารณสุขมูลฐานเพียงประเภทเดียว คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งหมายถึง บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจากชาวบ้านในแต่ละกลุ่มบ้านและได้รับการอบรมตามหลักสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยมีบทบาทหน้าที่สำคัญในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมสุขภาพอนามัย (Change agents) การสื่อข่าวสารสาธารณสุข การแนะนำเผยแพร่ความรู้ การวางแผน และประสานกิจกรรมพัฒนาสาธารณสุข ตลอดจนให้บริการสาธารณสุขด้านต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมสุขภาพ การเฝ้าระวังและป้องกันโรค การช่วยเหลือและรักษาพยาบาลขั้นต้น โดยใช้ยาและเวชภัณฑ์ตามขอบเขตที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด การส่งต่อผู้ป่วยไปรับบริการ การฟื้นฟูสภาพ และจัดกิจกรรมพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยกำหนดจำนวนอาสาสมัครสาธารณสุขในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยเฉลี่ย ดังนี้</p><p>พื้นที่ชนบท : อสม. 1 คน ต่อ 8 - 15 หลังคาเรือน</p><p>พื้นที่เขตเมือง : </p><p>.....เขตชุมชนหนาแน่น (ชุมชนตลาด) ไม่มี อสม.</p><p>.....เขตชุมชนแออัด อสม. 1 คน ต่อ 20 - 30 หลังคาเรือน</p><p>.....เขตชุมชนชานเมือง อสม. 1 คน ต่อ 8 - 15 หลังคาเรือน</p><p>ดังนั้น ในหมู่บ้าน/ชุมชนหนึ่ง ๆ อาจมีจำนวน อสม. ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับจำนวนหลังคาเรือนของหมู่บ้าน/ชุมชนนั้น ๆ โดยทั่วไปจะมี อสม. ประมาณ 10 - 20 คนต่อหมู่บ้าน</p><p>คุณสมบัติของ อสม. </p><p>....1) เป็นบุคคลที่ชาวบ้านในระแวกหรือคุ้มยอมรับและเชื่อถือ</p><p>....2) สมัครใจและเต็มใจช่วยเหลือชุมชนด้วยความเสียสละ</p><p>....3) มีเวลาเพียงพอที่จะช่วยเหลือชุมชน (อยู่ประจำในหมู่บ้าน ไม่ย้ายถิ่นในระยะเวลา </p><p>........1 - 2 ปี) และมีความคล่องตัวในการประสานงาน</p><p>....4) อ่านออกเขียนได้</p><p>....5) เป็นตัวอย่างที่ดีในด้านพัฒนาสุขภาพ และการพัฒนาชุมชน</p><p>....6) ไม่ควรเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของรัฐ </p><p><br /></p><p>วิธีการคัดเลือก อสม. </p><p>ให้ใช้วิธีการประชาธิปไตยในการคัดเลือกบุคคลเป็น อสม. โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้</p><p>....1) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจัดประชุมกรรมการหมู่บ้าน อสม. ทุกคนในหมู่บ้านและผู้นำอื่น ๆ เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงบทบาทของ อสม. และจำนวน อสม. มอบหมายให้กรรมการหมู่บ้าน อสม. และผู้นำดังกล่าวเป็นคณะกรรมการสรรหา อสม.</p><p>....2) แบ่งละแวกหรือคุ้มบ้านออกเป็นคุ้มละ 8 - 15 หลังคาเรือน สอบถามหาผู้สมัครใจและมีคุณสมบัติตามที่กำหนด คัดเลือกเข้ารับการอบรมเป็น อสม. ในกรณีที่มีผู้สมัครเกิน 1 คน ให้คณะผู้ดำเนินการสรรหา อสม. จัดประชุมหัวหน้าครอบครัวหรือผู้แทนครอบครัวในละแวกหรือคุ้มนั้น ๆ เพื่อลงมติโดยใช้เสียงส่วนใหญ่คัดเลือกบุคคลเข้ารับการอบรมเป็น อสม. ประจำละแวกบ้านหรือคุ้ม</p><p>อนึ่ง การคัดเลือก อสม. สามารถปรับเปลี่ยนได้ หากชุมชนหรือคณะกรรมการหมู่บ้านมีความเห็นเป็นอย่างอื่น แต่ต้องเป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวมและมีขั้นตอนที่โปร่งใส</p><p>การฝึกอบรม อสม. ใหม่</p><p>การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ ในที่นี้หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขที่คัดเลือกเข้ามาใหม่มีการเปลี่ยนแปลงเจตคติ มีความรู้ความสามารถและปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้</p><p>1. วิธีการอบรม</p><p>เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถวางแผนการอบรมได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ โดยควรมีทั้งส่วนของการให้ความรู้ทางทฤษฎี และการฝึกปฏิบัติให้บริการที่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลชุมชน รวมทั้งมีการประเมินผลการอบรมว่าสามารถพัฒนาให้ อสม. ใหม่ทุกคนมีความรู้และสามารถทำงานตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างมีคุณภาพ</p><p>2. เนื้อหาหลักสูตร เนื้อหาความรู้ที่อบรม แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ</p><p>....2.1 กลุ่มความรู้พื้นฐาน (ภาคบังคับ) ประกอบด้วย วิชาที่เป็นพื้นฐานในการปฏิบัติงานในฐานะอาสาสมัครสาธารณสุข โดยเป็นวิชาที่เกี่ยวกับปัญหาสาธารณสุขหลัก ๆ ของประเทศ และการบริหารจัดการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในชุมชน ได้แก่</p><p>..........1) บทบาทหน้าที่ของ อสม.</p><p>..........2) สิทธิของ อสม.</p><p>..........3) การถ่ายทอดความรู้และการเผยแพร่ข่าวสารระดับหมู่บ้าน</p><p>..........4) การค้นหา วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของท้องถิ่น</p><p>..........5) สุขวิทยาส่วนบุคคล</p><p>..........6) การส่งเสริมสุขภาพ การเฝ้าระวัง และป้องกันปัญหาสาธารณสุข</p><p>..........7) การวินิจฉัยอาการ การปฐมพยาบาลและการช่วยเหลือเบื้องต้น</p><p>..........8) การฟื้นฟูสภาพ</p><p>..........9) การส่งต่อผู้ป่วยไปสถานบริการสาธารณสุข</p><p>........10) การจัดกิจกรรม การปฏิบัติงานและการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ใน ศสมช.</p><p>........11) การทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อการพัฒนางานสาธารณสุขในท้องถิ่น</p><p>....2.2 กลุ่มความรู้เฉพาะ เป็นความรู้ในเรื่องที่เป็นปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ และความรู้ด้านนโยบายต่าง ๆ ในการพัฒนางานสาธารณสุขในแต่ละท้องถิ่น และความรู้ด้านการพัฒนาอื่น ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน โดยจังหวัดสามารถปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรได้ตามความเหมาะสม ซึ่งเนื้อหาอาจแตกต่างกันไปตามสภาพปัญหาและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง</p><p>การขึ้นทะเบียนเป็น อสม. </p><p>สถานภาพของการเป็น อสม. เกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นได้รับการคัดเลือก ผ่านการอบรม และได้รับการประเมินความรู้ความสามารถ ทั้งกลุ่มความรู้พื้นฐานและกลุ่มความรู้เฉพาะตามที่กำหนดไว้ จังหวัดจะออกประกาศนียบัตรและบัตรประจำตัวให้ใช้เป็นหลักฐาน โดยรูปแบบ อายุบัตร และสิทธิที่ได้รับเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด</p><p>วาระและการพ้นสภาพการเป็น อสม. </p><p>สถานภาพของการเป็น อสม. เกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นได้รับการคัดเลือก ผ่านการอบรม และได้รับการประเมินความรู้ความสามารถ ทั้งกลุ่มความรู้พื้นฐานและกลุ่มความรู้เฉพาะตามที่กำหนดไว้ จังหวัดจะออกประกาศนียบัตรและบัตรประจำตัวให้ใช้เป็นหลักฐาน โดยรูปแบบ อายุบัตร และสิทธิที่ได้รับเป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด</p><p>1. วาระ กำหนดให้มีวาระคราวละ 2 ปี เมื่อครบวาระแล้วให้พิจารณาต่อบัตรประจำตัว โดยดูจากผลการดำเนินงาน ร่วมกับการพิจารณาของประชาชนและองค์กรของหมู่บ้าน (เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ควรที่จะเป็นผู้ถอดถอน อสม. ด้วยตนเอง เพราะ อสม. เป็นอาสาสมัครที่เสียสละของประชาชน หากมีความจำเป็นก็ต้องใช้การประชุมและปรึกษาหารืออย่างเป็นกันเองกับ อสม. ที่มีอยู่ รวมทั้งกรรมการหมู่บ้าน เพื่อป้องกันความขัดแย้งที่อาจจะเกิดขึ้น)</p><p>2. การพ้นสภาพ</p><p>....1) พ้นสภาพตามวาระ</p><p>....2) ตาย</p><p>....3) ลาออก</p><p>....4) ย้ายที่อยู่</p><p>....5) ประชาชนลงมติ โดยมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของประชาชนในหมู่บ้าน หรือคณะกรรมการหมู่บ้านมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียประโยชน์ของหมู่บ้าน หรือบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่</p><p>บทบาทหน้าที่ของ อสม. </p><p>อสม. มีบทบาทในการเป็นผู้นำการดำเนินงานพัฒนาสุขภาพอนามัย และคุณภาพชีวิตของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change agents) พฤติกรรมด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในชุมชน และมีหน้าที่ แก้ข่าวร้าย กระจายข่าวดี ชี้บริการ ประสานงานสาธารณสุข บำบัดทุกข์ประชาชน ดำรงตนเป็นตัวอย่างที่ดี โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้ </p><p>....1) เป็นผู้สื่อข่าวสารสาธารณสุขระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนในหมู่บ้าน นัดหมายเพื่อนบ้านมารับบริการสาธารณสุข แจ้งข่าวสารสาธารณสุข เช่น การเกิดโรคติดต่อที่สำคัญ หรือโรคระบาดในท้องถิ่น ตลอดจนข่าวความเคลื่อนไหวในกิจกรรมสาธารณสุข รับข่าวสารสาธารณสุขแล้ว แจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องถิ่นทราบอย่างรีบด่วนในเรื่องสำคัญ เช่น เรื่องโรคระบาดหรือโรคติดต่อต่าง ๆ รับข่าวสารแล้ว จดบันทึกไว้ในสมุดบันทึกผลการปฏิบัติงานของ อสม. </p><p>....2) เป็นผู้ให้คำแนะนำถ่ายทอดความรู้แก่เพื่อนบ้านและแกนนำสุขภาพประจำครอบครัว ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การใช้สถานบริการสาธารณสุขและการใช้ยา การรักษาอนามัยของร่างกาย การให้ภูมิคุ้มกันโรค การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมและการจัดหาน้ำสะอาด โภชนาการและสุขาภิบาลอาหาร การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อประจำถิ่น การอนามัยแม่และเด็กและการวางแผนครอบครัว การดูแลรักษาและป้องกันสุขภาพเหงือกและฟัน การดูแลและส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุ อุบัติภัยและโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ การป้องกันและแก้ไขมลภาวะและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษเป็นภัย การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข การจัดหายาจำเป็นไว้ใช้ในชุมชน และการส่งเสริมการใช้สมุนไพรและแพทย์แผนไทย ฯลฯ </p><p>....3) เป็นผู้ให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชน ได้แก่ การส่งต่อผู้ป่วยและการติดตามดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการส่งต่อมาจากสถานบริการ การจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิดในรายที่เจ้าหน้าที่สาธารณาสุขได้ตรวจแล้ว และจ่ายถุงยางอนามัย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น เกี่ยวกับบาดแผลสด กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ฯลฯ การรักษาพยาบาลเบื้องต้นตามอาการ</p><p>....4) หมุนเวียนกันปฏิบัติงานที่ ศสมช. โดยมีกิจกรรมที่ควรดำเนินการ ได้แก่</p><p>.....- จัดทำศูนย์ข้อมูลข่าวสารของหมู่บ้าน</p><p>.....- ถ่ายทอดความรู้และจัดกิจกรรมตามปัญหาของชุมชน</p><p>.....- ให้บริการที่จำเป็นใน 14 กิจกรรมสาธารณสุขมูลฐาน</p><p>....5) เฝ้าระวังและป้องกันปัญหาสาธารณสุขในหมู่บ้าน เช่น เฝ้าระวังปัญหาโภชนาการโดยการชั่งน้ำหนักเด็กและร่วมแก้ไขปัญหาเด็กขาดสารอาหารและขาดธาตุไอโอดีน เฝ้าระวังด้านอนามัยแม่และเด็ก โดยการติดตามหญิงมีครรภ์ให้มาฝากท้องและตรวจครรภ์ตามกำหนด เฝ้าระวังด้านสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยการติดตามให้มารดานำเด็กไปรับวัคซีนตามกำหนด และเฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อประจำถิ่น โดยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เป็นต้น</p><p>....6) เป็นผู้นำในการบริหารจัดการวางแผนแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน โดยใช้งบประมาณหมวดอุดหนุนทั่วไปที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุข หรือจากแหล่งอื่น ๆ </p><p>....7) เป็นแกนนำในการชักชวนเพื่อนบ้านเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนางานสาธารณสุขของชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยใช้กระบวนการ จปฐ. (ความจำเป็นพื้นฐาน) และรวมกลุ่มในการพัฒนาสังคมด้านต่าง ๆ </p><p>....8) ดูแลสิทธิประโยชน์ด้านสาธารณสุขของประชาชนในหมู่บ้าน โดยเป็นแกนนำในการประสานงานกับกลุ่มผู้นำชุมชน และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กระตุ้นให้มีการวางแผนและดำเนินงานเพื่อพัฒนางานสาธารณสุขของหมู่บ้าน</p><div><br /></div></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-4446168926564805342023-11-10T07:19:00.001-08:002023-11-14T05:55:58.593-08:00รู้ไหมว่าบัตรทองสามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลด้วยตัวเองได้ผ่าน app<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEg4LfKEUaDUNDuZ9WwpsRS_BJnt0q-F--NLiyh5-CY8v7yDg1RKYS0Wx24idrn2S0iBES7wTWmwXUjrl7D3-loF5o3j0hOrmtUQ_kndZNo1eLd5aJMz34gPSN_Dita97omShhMM1YzQIjpbq1H44KhDWiSOh5Y7S8iU0Z0StsPaGd5VtpZlheooYmYTKzI" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEg4LfKEUaDUNDuZ9WwpsRS_BJnt0q-F--NLiyh5-CY8v7yDg1RKYS0Wx24idrn2S0iBES7wTWmwXUjrl7D3-loF5o3j0hOrmtUQ_kndZNo1eLd5aJMz34gPSN_Dita97omShhMM1YzQIjpbq1H44KhDWiSOh5Y7S8iU0Z0StsPaGd5VtpZlheooYmYTKzI" width="400">
</a>
</div><br><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><b>เปิดขั้นตอนการเปลี่ยนหน่วยบริการสิทธิบัตรทอง ทาง ไลน์ สปสช.</b></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1. อ่านข้อตกลง และกดยอมรับ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2. ใส่เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และเลขหลังบัตรประชาชน (ตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวแรก และตัวเลข 10 ตัว)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">3. ตั้งรหัสผ่านของท่าน ตัวเลข 6 หลัก และกดยืนยันรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ตั้งเพื่อไว้เข้าใช้งานระบบ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">4. กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้กับ Line เพื่อขอรับรหัส OTP (OTP หรือ One Time Password คือชุดรหัสผ่านใช้ครั้งเดียวที่ระบบของเราสร้างขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต โดยเป็นตัวเลขจำนวน 6 หลัก)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">5. เมื่อได้รับรหัส OTP แล้วให้ใส่ยืนยัน</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><b>จากนั้นก็จะเข้าสู่การเลือก "ที่อยู่ของคุณตรงกับบัตรประชาชน หรือไม่?" มีให้เลือก "ตรง" กับ "ไม่ตรง"</b></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><b>กรณีที่อยู่ "ตรง" กับบัตรประชาชน (คลิกเลือก)</b></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1. ถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชน จากกล้อง หรือเลือกจากไฟล์ที่แนบ แล้วทำการอัปโหลดภาพ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2. โปรดถือบัตรประจำตัวประชาชน และถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชน แล้วทำการอัปโหลดภาพ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">3. ตรวจสอบข้อมูลที่อยู่ (หากข้อมูลที่อยู่ไม่ถูกต้อง โทร 1330 เพื่อปรับปรุงข้อมูล)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">4. เลือกหน่วยบริการตามรายชื่อที่ปรากฎในระบบ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">5. ตรวจสอบข้อมูลการเลือกหน่วยบริการ (กดปุ่มยกเลิกการลงทะเบียนฯ หากต้องยกเลิก)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">6. เจ้าหน้าที่รับข้อมูลการลงทะเบียนเรียบร้อย! และจะมีข้อความส่งไปให้ทางไลน์ส่วนตัวว่า แจ้งสถานะการลงทะเบียนฯ ของคุณให้ทราบ หรือเข้ามาตรวจสอบได้ที่ฟังก์ชั่นการเปลี่ยนหน่วยบริการจะมีแทบสีเขียวขึ้นแสดงตามลำดับ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">(หมายเหตุ : หากเจ้าหน้าที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติม จะมีข้อความแจ้งไปทางไลน์ว่าให้แนบเอกสารเพิ่มเติม ให้เข้ามาดำเนินการในฟังก์ชั่นการเปลี่ยนหน่วยบริการ)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">7. ขั้นตอนการดำเนินการรออนุมัติสิทธิจะมี 4 ขั้นตอน (แถบสีเขียว) หากเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนสิทธิการรักษาจะอนุมัติอัตโนมัติตามวันที่ที่ระบุไว้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><b>กรณีที่อยู่ "ไม่ตรง" กับบัตรประชาชน (คลิกเลือก)</b></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1. ถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชน จากกล้อง หรือเลือกจากไฟล์ที่แนบ แล้วทำการอัปโหลดภาพ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2. โปรดถือบัตรประจำตัวประชาชน และถ่ายรูปคู่กับบัตรประชาชน แล้วทำการอัปโหลดภาพ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">3. แนบหลักฐานยืนยันการพักอาศัยเพิ่ม ตามรายละเอียดที่แจ้งในระบบฯ (อัปโหลดภาพ)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">4. กรอกที่อยู่ปัจจุบันตามหลักฐานยืนยันการพักอาศัยที่แนบ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">5. เลือกหน่วยบริการตามรายชื่อที่ปรากฎในระบบ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">6. ตรวจสอบข้อมูลการเลือกหน่วยบริการ (กดปุ่มยกเลิกการลงทะเบียนฯ หากต้องยกเลิก)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">7. เจ้าหน้าที่รับข้อมูลการลงทะเบียนเรียบร้อย! และจะมีข้อความส่งไปให้ทางไลน์ส่วนตัวว่า แจ้งสถานะการลงทะเบียนฯ ของคุณให้ทราบ หรือเข้ามาตรวจสอบได้ที่ฟังก์ชั่นการเปลี่ยนหน่วยบริการจะมีแทบสีเขียวขึ้นแสดงตามลำดับ</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">(หมายเหตุ : หากเจ้าหน้าที่ต้องการเอกสารเพิ่มเติม จะมีข้อความแจ้งไปทางไลน์ว่าให้แนบเอกสารเพิ่มเติม ให้เข้ามาดำเนินการในฟังก์ชั่นการเปลี่ยนหน่วยบริการ)</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">8. ขั้นตอนการดำเนินการรออนุมัติสิทธิจะมี 4 ขั้นตอน (แถบสีเขียว) หากเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนสิทธิการรักษาจะอนุมัติอัตโนมัติตามวันที่ที่ระบุไว้</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำเรื่องย้ายสิทธิการรักษาพยาบาลของคุณได้แล้ว!</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">หากใครยังไม่ได้แอดไลน์ สปสช. สามารถพิมพ์ค้นหา Line ID @nhso หรือคลิกลิงก์ เพื่อเพิ่มเพื่อนได้ทันที<a href=" https://lin.ee/zzn3pU6" target="_blank"> https://lin.ee/zzn3pU6</a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">***ผู้ที่ใช้งานการลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ (ย้ายสิทธิ) ผ่านทางไลน์ สปสช. ต้องมีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) หรือมีสิทธิว่าง และต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">1.สายด่วน สปสช. 1330</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">2.ช่องทางออนไลน์</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก <a href="https://lin.ee/zzn3pU6">https://lin.ee/zzn3pU6</a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ <a href="https://www.facebook.com/NHSO.Thailand">https://www.facebook.com/NHSO.Thailand</a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/OkaUoRWdYvk?si=koPjnRBoASv4GYdT" title="YouTube video player" width="560"></iframe></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: left;"><br></div></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhHlkc82WNuN7yy97PZDmsGiYFnJaC6hZM4lmukFYBKZk8cVy6xDY-qTIFgqLG3a4OFhLSlSX5JnSvf_m0mnzGRzVXoXs9AcdyohUJMtCFPDvbnDbhjt8y8Uf6MVUN5-Qn8rjwyjp2YiKO7dR0rCXCJcJe0xGP0ztzlaQfXHpUtv1O9C0sBb1hXXUPp1zY" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEhHlkc82WNuN7yy97PZDmsGiYFnJaC6hZM4lmukFYBKZk8cVy6xDY-qTIFgqLG3a4OFhLSlSX5JnSvf_m0mnzGRzVXoXs9AcdyohUJMtCFPDvbnDbhjt8y8Uf6MVUN5-Qn8rjwyjp2YiKO7dR0rCXCJcJe0xGP0ztzlaQfXHpUtv1O9C0sBb1hXXUPp1zY" width="400">
</a>
</div><div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEi_pI4QA6gSjRjmScNGlbzk-L1r7aeEknWM7Y1dC0SzHXVAONaLj-aLUX5WC5p7X50wjW_f0w5Cougzw1GiPzSCR8N3AktNVvy4_JSU1TgiAlI4iMHmwoMNgV4zEmG1JRTOsIA3B1LwM4J0p0-_g2MpZYZ-zYIlPjDzNVFMO2Z97f9QsfG-eow3a2IA8zA" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEi_pI4QA6gSjRjmScNGlbzk-L1r7aeEknWM7Y1dC0SzHXVAONaLj-aLUX5WC5p7X50wjW_f0w5Cougzw1GiPzSCR8N3AktNVvy4_JSU1TgiAlI4iMHmwoMNgV4zEmG1JRTOsIA3B1LwM4J0p0-_g2MpZYZ-zYIlPjDzNVFMO2Z97f9QsfG-eow3a2IA8zA" width="400">
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjV193fHm6VwU5xd9gkn-vJ7F7rLAaFvIaN6Avp1wUS6ojB69pqOmq7TXE0Z3Fa7GQ3Sc2WMSuIntxixhtILlURTGAi43pdKRngGrDCVx1X2H9KDBtMDM83y05kfcp6xtalAUY-fO1MrJXq-3sQhFJFpCrkEeaH63cfNE7rGGtTs7HXAfFzuNrA_9vtUfw" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjV193fHm6VwU5xd9gkn-vJ7F7rLAaFvIaN6Avp1wUS6ojB69pqOmq7TXE0Z3Fa7GQ3Sc2WMSuIntxixhtILlURTGAi43pdKRngGrDCVx1X2H9KDBtMDM83y05kfcp6xtalAUY-fO1MrJXq-3sQhFJFpCrkEeaH63cfNE7rGGtTs7HXAfFzuNrA_9vtUfw" width="400">
</a>
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjSezuEBBZc05uWOeUWyMmdYQYz1GyasLpV6t0I4z7UT58TdwOQanBjvIYpkfemeo3590dv3fAKYHdyXtTq5QDqjtpgR9XIDII7sEX9bWl95a6nC6Qkg9nQTIcI47LCYAt1H8veMVv3jDSl6dDyzcfQ38-i6nilyHAiYR3gGL307_HnqDVMzktgy6KofrA" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/a/AVvXsEjSezuEBBZc05uWOeUWyMmdYQYz1GyasLpV6t0I4z7UT58TdwOQanBjvIYpkfemeo3590dv3fAKYHdyXtTq5QDqjtpgR9XIDII7sEX9bWl95a6nC6Qkg9nQTIcI47LCYAt1H8veMVv3jDSl6dDyzcfQ38-i6nilyHAiYR3gGL307_HnqDVMzktgy6KofrA" width="400">
</a>
</div>ดาวน์โหลด app <a href="https://play.google.com/store/apps/details?id=com.smmms.newstep">คลิกที่นี่</a></div>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-87339448617988082162023-11-10T00:33:00.002-08:002023-11-10T03:31:30.244-08:00ผู้ประสบภัยจากรถ จะใช้สิทธิพรบ.ได้อย่างไร<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhXsJvySGKWAHeJqeqcyWRnzhT4P3U8DVWWagfQrScJviXD0HIDL6IBs_9KO26F62F4wwVcPKjFiA2TqV-hO81BaavJgucGUt89G31qkwGQWzlbMSM6GgLx9JiGAYwjE8d_GYV30_BPnX6f1oKzXjF4xUrvt21Gc_rIJBDXlti2hcd3LJHNd_snEIUbpnQ/s700/rvp2.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="507" data-original-width="700" height="232" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhXsJvySGKWAHeJqeqcyWRnzhT4P3U8DVWWagfQrScJviXD0HIDL6IBs_9KO26F62F4wwVcPKjFiA2TqV-hO81BaavJgucGUt89G31qkwGQWzlbMSM6GgLx9JiGAYwjE8d_GYV30_BPnX6f1oKzXjF4xUrvt21Gc_rIJBDXlti2hcd3LJHNd_snEIUbpnQ/s320/rvp2.JPG" width="320" /></a></div><br /><p><br /></p><p> ผู้ประสบภัยจากรถ จะได้รับความคุ้มครอง หากได้รับความเสียหาย แก่ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ซึ่งผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันต้องรับผิดตามกฎหมายดังนี้ <span style="white-space: pre;"> </span> </p><p>กรณี ได้รับความเสียหายต่อร่างกาย หรืออนามัย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตามความเสียหายที่แท้จริง แต่ไม่เกิน</p><p>80,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>กรณี สูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทน</p><p>200,000 - 500,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>(กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)</p><p>กรณี เสียชีวิต บริษัทจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทน<span style="white-space: pre;"> </span>500,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>กรณี ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล (คนไข้ใน) บริษัทจะจ่ายค่าชดเชยรายวัน วันละ<span style="white-space: pre;"> </span> 200 บาท (จำนวน รวมกันไม่เกิน 20 วัน)</p><p> ค่าเสียหายเบื้องต้น บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถ ที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัทได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้</p><p><br /></p><p>กรณี ผู้ประสบภัยได้รับความเสียหายต่อร่างกาย บริษัทจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตามจำนวนที่จ่ายไปจริง<span style="white-space: pre;"> </span>แต่ไม่เกิน 30,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>กรณี ผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น จำนวน<span style="white-space: pre;"> </span>35,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>กรณี ผู้ประสบภัยเสียชีวิต บริษัทจะจ่ายค่าปลงศพ ตามจำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น </p><p><br /></p><p>35,000 บาทต่อหนึ่งคน</p><p>(หากเกิดความเสียหาย หลายกรณี รวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกิน 65,000 บาทต่อหนึ่งคน )</p><p>หมายเหตุ :กรณี ผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกัน จะได้รับความคุ้มครอง ไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น</p><p>การประกันภัย พ.ร.บ. ทำไม ผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัย ได้รับความคุ้มครอง เฉพาะค่าเสียหายเบื้องต้น เท่านั้น?</p><p>ประกันภัย พ.ร.บ. ให้ความคุ้มครองประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจากรถ หากได้รับความเสียหายต่อ ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ซึ่งเป็นความรับผิดของผู้ขับขี่ รถคันที่เอาประกันภัยบุคคลที่ได้รับความเสียหายนั้นจะได้รับความคุ้มครองจากบริษัทผู้รับประกันภัยที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้นให้ผู้ถูกกระทำ สำหรับผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันจะได้รับความคุ้มครองเฉพาะ ค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไข กรมธรรม์ ดังนี้</p><p><br /></p><p>ค่ารักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บ คุ้มครองไม่เกิน 30,000.- บาท</p><p>กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรหรือสูญเสียอวัยวะฯ คุ้มครอง 35,000.- บาท </p><p>ทั้งสองกรณีรวมกันคุ้มครองไม่เกิน 65,000.- บาท</p><p><br /></p><p>หมายเหตุ : หากผู้ขับขี่เป็นฝ่ายถูก ก็สามารถไปเรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิดได้</p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-8784431275691386412023-11-10T00:16:00.002-08:002023-11-10T03:31:40.375-08:00สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIb1r5gOKbDaj4uBf4aZBMTu_t-HD-RfTBRf4tWQkbn_fSo_LzU8ZmsTKxnUOVVNlTYL3-foOsBSGW2mzA9tNdFVtzSy2P-wFmm3hVqWXFc2u-l13qACXenbm2yNBoREKu82eNknEERZcZqDOOPIaX9ms89yByP8-yqRf8RwpkSpSof14tks0kHBbXWe4/s360/logo_lgo.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" data-original-height="360" data-original-width="240" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIb1r5gOKbDaj4uBf4aZBMTu_t-HD-RfTBRf4tWQkbn_fSo_LzU8ZmsTKxnUOVVNlTYL3-foOsBSGW2mzA9tNdFVtzSy2P-wFmm3hVqWXFc2u-l13qACXenbm2yNBoREKu82eNknEERZcZqDOOPIaX9ms89yByP8-yqRf8RwpkSpSof14tks0kHBbXWe4/s320/logo_lgo.png" width="213" /></a></div><p> สิทธิสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น (สิทธิ อปท.)</p><p>ใครเป็นผู้มีสิทธิ อปท.</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>ผู้มีสิทธิ หมายถึง พนักงานส่วนท้องถิ่น และลูกจ้างประจำของ อปท. (ไม่รวมถึงพนักงานจ้าง) ,ผู้ได้รับบำนาญ ,นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนายกเทศมนตรีนายกองค์การบริการส่วนตำบล</li><li>ผู้มีสิทธิร่วม หมายถึง บุคคลในครอบครัวของผู้มีสิทธิ (บิดา มารดา คู่สมรส ที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้มีสิทธิ และบุตรลำดับที่ 1-3 ที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของสิทธิซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือบรรลุนิติภาวะแล้วเป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ (ไม่นับบุตรบุญธรรม)</li></ul><p></p><p>การขึ้นสิทธิ ณ ต้นสังกัด</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>ผู้มีสิทธิ ยื่นเอกสารเพื่อขอรับสิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาลสิทธิ อปท. ณ ส่วนราชการต้นสังกัด ดำเนินการลงทะเบียนในระบบทะเบียนบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้มีฐานข้อมูลในการตรวจสอบสิทธิ อปท. ณ สถานพยาบาล</li></ul><p></p><p>การดำเนินการของส่วนราชการต้นสังกัด</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของข้อมูลผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว และบันทึกข้อมูลลงในระบบโปรแกรมทะเบียนบุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน</li><li>ข้อมูลที่ถูกบันทึกในระบบ และได้รับอนุมัติสิทธิจากนายทะเบียนของ ณ ส่วนราชการต้นสังกัดแล้วสามารถขึ้นสิทธิอปท. ได้ทุกวัน ตามรอบเวลาการปรับปรุงฐานข้อมูลของสปสช. เวลา 11.00 น. และ 15.00 น.</li></ul><p></p><p>สิทธิประโยชน์ในการเบิกค่ารักษาพยาบาล</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>การเข้ารับบริการครอบคลุมการเจ็บป่วย ในทุกกรณี ซึ่งไม่รวมถึงการเสริมความงาม และการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้มีสิทธิ(เจ้าของสิทธิเท่านั้น)</li><li>กรณีบุคคลในครอบครัว มีสิทธิอื่นร่วมด้วย จะเบิกจากสิทธิ อปท. ได้ในกรณีไหนบ้าง</li><li>กรณีมีสิทธิข้าราชการร่วมกับสิทธิ อปท. ให้ใช้สิทธิเบิกจากราชการ</li><li>กรณีมีสิทธิประกันสังคมร่วมกับสิทธิ อปท. สามารถเบิกส่วนต่างจากสิทธิ อปท.ได้ในกรณีต่อไปนี้เท่านั้น</li></ul><ol style="text-align: left;"><ol><li>คลอดบุตร เบิกส่วนเกิน 13,000 บาท</li><li>ค่าล้างไต (ส่วนเกิน 1,500 บาท)</li><li>การเบิก vascular access ซ้ำภายใน 2 ปี</li><li>ทำฟันส่วนเกินจากค่าอุดฟัน ขูดหินปูน และถอนฟัน ที่เกินจาก 900 บาท/ปี เท่านั้น</li></ol></ol><p></p><p>การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีตรวจสุขภาพประจำปี</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>เฉพาะ ผู้มีสิทธิ (ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ)</li><li>เบิกได้ตามรายการและอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนดตามกลุ่มอายุ</li><li>ตรวจได้ปีละ 1 ครั้ง ตามปีงบประมาณ</li><li>สามารถเบิกได้ทั้งในระบบเบิกจ่ายตรง และใบเสร็จมาเบิกจากส่วนราชการต้นสังกัด</li></ul><div style="text-align: center;"><a href="Final_Poster_01_ver05_60x85cm_050820" target="_blank">ดาวน์โหลดไฟล์ที่นี่<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><br /></a></div><p></p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-2320336704181702032023-11-09T06:01:00.003-08:002023-11-10T03:31:51.198-08:00สิทธิประโยชน์ผู้สูงอายุ<p> </p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiTYja3cNP5LCaRfiKI1sMZ-CMNuXgITmZyXEvUVuUvgBvLDRHZgvS0EAjB-j1PcmHkjPbsB8lZf2TT1kdHWv1-ZxPt4RTpqWtZX716ldVXq897cFXZyYee6OV-y7qDgyRYN7mr56ttLPNI9ylBNF0RT_CorcyMqKlehqNYe5Eadp9k8a-YozQ7eLENWs/s710/279607640_942433529785431_6439723932624277799_n.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="400" data-original-width="710" height="180" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiTYja3cNP5LCaRfiKI1sMZ-CMNuXgITmZyXEvUVuUvgBvLDRHZgvS0EAjB-j1PcmHkjPbsB8lZf2TT1kdHWv1-ZxPt4RTpqWtZX716ldVXq897cFXZyYee6OV-y7qDgyRYN7mr56ttLPNI9ylBNF0RT_CorcyMqKlehqNYe5Eadp9k8a-YozQ7eLENWs/s320/279607640_942433529785431_6439723932624277799_n.jpg" width="320" /></a></div><br /><p></p><p>เบี้ยผู้สูงอายุคืออะไร?</p><p>เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คือ สวัสดิการที่ทางภาครัฐ จัดสรรให้แก่ ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพในแต่ละเดือน เนื่องจากรายได้ จากอาชีพผู้สูงอายุที่ทำอยู่ในแต่ละเดือน อาจไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย โดยแต่ละปีจะมีการเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่มาลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ</p><p><br /></p><p>ใครบ้างมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>ผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือต้องมีคุณสมบัติดังนี้</li><li>มีสัญชาติไทย</li><li>มีอายุ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนอายุครบ 60 ปี ตัวอย่างวิธีการคำนวณอายุ เช่น ลงทะเบียนของปี 2565 ต้องเป็นผู้สูงอายุที่เกิดก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2504 ส่วนผู้สูงอายุที่ทะเบียนราษฎร ระบุเฉพาะปีเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 มกราคมของปีนั้น ๆ</li><li>ผู้สูงอายุที่มีบุตรทำงานในหน่วยงานรัฐ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และได้รับเงินบำนาญพิเศษตลอดชีวิตแทนจากการที่บุตรปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศจนร่างกายพิการ ทุพลภาพ หรือเสียชีวิต ยังสามารถรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ด้วย รวมถึงผู้สูงอายุที่ได้รับบัตรสวัสดิการคนจนจากรัฐ ก็สามารถได้สิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุอีกด้วย</li></ul><p></p><p>วิธีหลีกเลี่ยงถูกเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน</p><p>ต้องไม่เป็นผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. หรือ อบต.) อาทิ เงินบำนาญ เบี้ยหวัด รวมถึงเงินอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับเงินเบี้ยยังชีพ เช่น ผู้สูงอายุที่เคยทำงานและได้รับเงินเดือน มีรายได้ประจำ หรือผลตอบแทนอื่น ๆ จากหน่วยงานรัฐ หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น</p><p><br /></p><p>สิทธิและสวัสดิการที่ผู้สูงอายุ จะได้รับมีอะไรบ้าง</p><p>นอกจากจะรับเบี้ยยังชีพเป็้นเงินช่วยเหลือแล้ว ผู้สูงอายุยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิและสวัสดิการผู้สูงอายุอื่น ซึ่งแบ่งเป็น 16 ด้าน ดังนี้</p><p><br /></p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 600 – 1,000 บาท/คน/เดือน</li></ul><p></p><p>ลดค่าโดยสารยานพาหนะสาธารณะ ครึ่งราคา อาทิ รถไฟ, รถเมล์ขสมก., รถไฟฟ้า MRT, รถไฟฟ้า BTS, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์, รถบขส., เรือด่วนเจ้าพระยา และเรือคลองแสนแสบ</p><p>ลดหย่อนภาษีแก่บุตรกรณีที่เลี้ยงดูบิดามารดาที่สูงอายุ 3 หมื่นบาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อปี</p><p>ขอปรับสภาพที่อยู่อาศัย สำหรับผู้สูงอายุที่ยากจน มีที่อยู่อาศัยไม่มั่นคงและเหมาะสม สามารถขอปรับสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกให้เหมาะสมปลอดภัย เหมาจ่าย 22,500 บาท หรือ 40,000 บาทต่อคน</p><p>ด้านกู้ยืมเงินทุนปลอดดอกเบี้ย เพื่อประกอบอาชีพจากกองทุนผู้สูงอายุได้ คนละไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือรวมกลุ่ม ไม่น้อยกว่า 5 คน กู้ได้ไม่เกิน 1 แสนบาท แต่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ระยะเวลาจ่ายหนี้เป็นเวลา 3 ปี</p><p>สิทธิด้านอาชีพ ผู้สูงอายุสามารถขอคำปรึกษา แนะนำ และสมัครงาน รวมทั้งฝึกอาชีพ</p><p>ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมในพื้นที่สาธารณะ อาทิ พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ฯลฯ ประกอบด้วย ลิฟท์ ราวบันได ทางลาด ที่จอดรถ ห้องน้ำ ฯลฯ</p><p>สิทธิด้านการศึกษาเพื่อผู้สูงอายุได้เรียนรู้ สอดคล้องกับความต้องการให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข</p><p>สิทธิด้านการแพทย์ ผู้สูงอายุสามารถเข้ารับบริการดูแลสุขภาพต่าง ๆ ผ่านช่องทางพิเศษ</p><p>การช่วยเหลือด้านกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม มีบริการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้สูงอายุ เช่น ให้เงินค่าจ้างทนาย ค่าธรรมเนียมขึ้นศาล ค่าวางเงินประกันปล่อยตัวชั่วคราว เป็นต้น</p><p>ยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐแก่ผู้สูงอายุ เช่น พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ สวนพฤกษศาสตร์ สวนสัตว์ เป็นต้น</p><p>เปิดให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น สถานกีฬาต่าง ๆ ส่วนศูนย์กีฬาในร่ม ได้ลดค่าสมัครสมาชิกครึ่งราคา</p><p>ด้านบริการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถูกทารุณกรรม ถูกทอดทิ้ง มีอันตราย หรือถูกหาประโยชน์ โดยจัดหาที่พักอาศัยปลอดภัย ฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ</p><p>สิทธิด้านอาหารและเครื่องนุ่งห่ม กรณีผู้สูงอายุที่ประสบปัญหา สามารถขอรับเงินช่วยเหลือได้คนละไม่เกิน 3,000 บาท ปีละไม่เกิน 3 ครั้ง</p><p>กรณีผู้สูงอายุยากจนและขาดผู้ดูแล สามารถขอใช้บริการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุได้</p><p>กรณีผู้สูงอายุยากจนและเสียชีวิต ญาติสามารถขอรับเงินจัดการศพรายละไม่เกิน 3,000 บาท ได้ภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันออกใบมรณะบัตร</p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-79649033899795326992023-11-09T03:56:00.001-08:002023-11-09T03:57:23.033-08:00สิทธิด้านสุขภาพของคนต่างด้าวมีอะไรบ้าง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1eN9Rl9UFfrEE_FYxqfbzq3i7RecRWpKAcEIqlrWR4Y0ceEUFn7kjlQl0p6qvtwY9LF-FSU-0fMU9xjmQ_PatLCfwFMaZNFo5lLbDA9ftCCHqZU8-uK0yv8tRBA6gRHzoWTRyeuv1LRwcZtCqg6zqe8c8hlF9htZ025VPmak6VAs9QFrL41Ib3lvqDIg/s421/tangdao.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em; text-align: center;"><img border="0" data-original-height="285" data-original-width="421" height="217" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1eN9Rl9UFfrEE_FYxqfbzq3i7RecRWpKAcEIqlrWR4Y0ceEUFn7kjlQl0p6qvtwY9LF-FSU-0fMU9xjmQ_PatLCfwFMaZNFo5lLbDA9ftCCHqZU8-uK0yv8tRBA6gRHzoWTRyeuv1LRwcZtCqg6zqe8c8hlF9htZ025VPmak6VAs9QFrL41Ib3lvqDIg/s320/tangdao.JPG" width="320" /></a></div><p></p><p>คุณสมบัติของคนต่างด้าว ที่จะขอใบอนุญาตทำงานได้</p><p>1. มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาใน</p><p>ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง (มิใช่นักท่องเที่ยว</p><p>หรือผู้เดินทางผ่าน)</p><p>2. มีความรู้ความสามารถในการทำงานตามที่ขอรับใบอนุญาตทำงาน</p><p>3. ต้องไม่เป็นผู้เจ็บป่ วยด้วยโรคเรือน วัณโรคในระยะอันตรายโรค</p><p>เท้าช้างในระยะปรากฎอาการเป็ นที่น่ารังเกียจแก่สังคมโรคยาเสพติดให้โทษ</p><p>อย่างร้ายแรง โรคพิษสุราเรื้อรัง</p><p>4. ต้องไม่เคยต้องโทษจำคุกในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้า</p><p>เมืองหรือตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว</p><p><br /></p><p>หลักเกณฑ์การตรวจสุขภาพและการประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว</p><p>- ให้หน่วยบริการลงทะเบียนสิทธิ ตรวจสุขภาพและขายบัตรประกัน</p><p>สุขภาพทุกวันหรือตามแผนการด าเนินการของหน่วยบริการ</p><p>- ใบรับรองแพทย์เพื่อประกันสุขภาพให้มีอายุ1 ปี นับตั ้งแต่วันที่ตรวจ</p><p>สุขภาพ</p><p>-บัตรประกันสุขภาพให้มีอายุคุ้มครอง1ปี นับจากวันที่ซื้อบัตรประกัน</p><p>สุขภาพ อัตรา 2,100 บาท , ค่าตรวจสุขภาพ คนละ 500 บาท ค่าประกันสุขภาพ</p><p>คนละ1,600 บาท</p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><br /><p><br /></p><p>ซื้อบัตรประกันสุขภาพ</p><p>โรงพยาบาลของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารสุข ของแต่ละจังหวัด หรือที่</p><p>กระทรวงสาธารณสุขกำหนด สำหรับในเขตกรุงเทพ ซื้อได้ที่</p><p></p><ul style="text-align: left;"><li>โรงพยาบาลราชวิถี</li><li>โรงพยาบาลเลิดสิน</li><li>โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี</li><li>หรือทีี่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด</li></ul><div>หลักฐานการลงทะเบียน </div><p></p><div>1. หนังสือเดินทาง(Passport) หรือหนังสือที่ทางราชการออกให้</div><p></p><div><div>2.ใบเสร็จรับเงินค่าตรวจสุขภาพ</div><div>3.ใบเสร็จรับเงินค่าประกันสุขภาพ ตามอัตราประกาศกระทรวงสาธารณสุข</div><div>การลงทะเบียนบัตรประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว ได้รับการตรวจสุขภาพและได้</div><div>ใบรับรองแพทย์แล้ว ให้เจ้าหน้าที่หน่วยบริการบันทึกข้อมูลผ่านเว็ปไซต์กองทุน</div><div>ผู้ประกันตนคนต่างด้าว http://fwf.cfo.in.th หน่วยบริการจะส่งข้อมูลการ</div><div>ลงทะเบียนให้กลุ่มประกันสุขภาพ ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ภายใน 15</div><div>วันทำการ</div></div><div><br /></div><div><div>เมื่อเจ็บป่ วย จะเข้ารับการบริการที่ไหน?</div><div>- ผู้ป่วยประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว กรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน ต้องใช้บริการใน</div><div>สถานพยาบาล ที่ขึ ้นทะเบียนไว้เท่านั ้น หากเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลที่ไม่อยู่ในโครงการต้อง</div><div>ชำระเงินเอง หากเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลในโครงการในเขตกรุงเทพมหานคร จะต้องมีการ</div><div>ประสานย้ายกลับรพ.ที่มีสิทธิ</div><div>- การเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้เป็ นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกชดเชย</div><div>ค่าบริการทางแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข โดยสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้</div><div>อัตราการจ่าย OP เบิกจ่ายตามค่าใช้จ่ายจริงไม่เกิน 700 บาทหรือตามอัตราที่กระทรวงกำหนด</div><div>สถานพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เบิกจ่ายตามค่าใช้จ่ายจริง และ IP จ่ายด้วยอัตรา</div><div>10,300 บาทต่อ AdjRW หรือตามอัตราที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด</div></div><span><a name='more'></a></span><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><br /></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><span style="text-align: left;"> สิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานต่างด้าว</span></div><br /><p> สิทธิประกันสังคมไม่ได้รองรับแค่เพียงผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น แต่ยังรองรับผู้ที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยแต่อาศัยอยู่ที่ประเทศไทย หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ”คนต่างด้าว” และด้วยสิทธิของคนต่างด้าวมีอยู่หลายประการที่ต้องทำความเข้าใจ เพราะมีความแตกต่างกับสิทธิประกันสังคมของคนทั่วไป ทางโรงพยาบาลเพชรเวชจึงได้รวบรวมข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ท่านได้ศึกษาเกี่ยวกับสิทธิประกันสังคมของคนต่างด้าวได้ในบทความนี้</p><p>การยื่นทำประกันสังคมของแรงงานต่างด้าว<br /></p><ul style="text-align: left;"><li>ยื่นได้หลังจากเข้าทำงานโดยมีหลักฐานใบอนุญาตการทำงานภายใน 30 วัน</li><li>กรณีนายจ้างยังไม่ขึ้นทะเบียนสำนักงานประกันสังคมให้ทำการยื่น สปส.1-01 ไปก่อน</li><li>กรณีขึ้นทะเบียนแล้ว ให้ทำการแจ้งผู้ประกันตน สปส.1-03 พร้อมกับหนังสือเดินทาง และใบอนุญาตในการทำงาน โดยต้องไปยื่นในพื้นที่ที่ทำงานกับนายจ้างเท่านั้น</li><li>เมื่อยื่นแล้วนายจ้างต้องทำการจ่ายเงินประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนต่อไป ในรูปแบบ สปส.1-10</li><li>ท่านสามารถโหลดแบบฟอร์มของ สปส.1-01 สปส.1-03 และสปส.1-10 ได้ที่นี่</li></ul><p>เงื่อนไขการคุ้มครองชาวต่างด้าว</p><p> แรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะขึ้นทะเบียนในระบบประกันสังคมจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ ดังนี้</p><ul style="text-align: left;"><li>จะต้องเป็นแรงงานที่มีหนังสือเดินทาง หรือเอกสารแสดงตัวแทนหนังสือเดินทาง (Passport) และใบอนุญาตการทำงาน (Work permit)</li><li>จะต้องผ่านการพิสูจน์สัญชาติ โดยมีหนังสือเดินทางชั่วคราว (Temporary Passport) หรือเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of identity) และใบอนุญาตการทำงาน (Work permit) </li><li>หากเป็นแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองไทยแต่ได้รับการผ่อนผันให้สามารถทำงานชั่วคราวได้ เมื่อเจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากการทำงานต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประกันสังคมเพื่อดำเนินการให้นายจ้างจ่ายเงินทดแทน ซึ่งจะได้รับจำนวนเงินเท่ากับแรงงานไทย</li></ul><p>นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ชาวต่างด้าวไม่ต้องขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม คือ ชาวต่างด้าวที่เป็นลูกจ้างของกิจการเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ เลี้ยงสัตว์ หาบเร่ และการค้าแผงลอย ซึ่งมิได้ใช้ลูกจ้างตลอดปี หรือมีลักษณะการทำงานเป็นแบบครั้งคราว </p><p><br /></p><p> 7 ความคุ้มครองที่ชาวต่างด้าวจะได้รับ</p><ul style="text-align: left;"><li> กรณีคลอดบุตร</li><li>กรณีการสงเคราะห์บุตร</li><li>กรณีเจ็บป่วย หรือได้รับอันตรายจากการทำงาน</li><li>กรณีทุพพลภาพ</li><li>กรณีชราภาพ</li><li>กรณีว่างงาน</li><li>กรณีเสียชีวิต</li></ul>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-61652309151736103482023-11-09T03:28:00.004-08:002023-11-10T03:32:16.606-08:00กองทุนเงินทดแทนคืออะไร ?<p></p><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdY8QBQ_uruvKZTgm8aO94BlVorUaTbzPK9zZRMg5LQCwCc5bG_TidGV-zY_16gkBNEYqCnApeoOe5uzlYiklGeJRbhEjb1_30I0rzu9iOD4FFfMglz55CK-M5-7uxKNZzeR4-1ypVnt2urc4dcRaIC5P7ZBzPbApEI2KNHPxLywhgXnI-ZH9LcioSYpo/s1000/workmen-compensation-fund-inner-02.webp" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="650" data-original-width="1000" height="208" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdY8QBQ_uruvKZTgm8aO94BlVorUaTbzPK9zZRMg5LQCwCc5bG_TidGV-zY_16gkBNEYqCnApeoOe5uzlYiklGeJRbhEjb1_30I0rzu9iOD4FFfMglz55CK-M5-7uxKNZzeR4-1ypVnt2urc4dcRaIC5P7ZBzPbApEI2KNHPxLywhgXnI-ZH9LcioSYpo/s320/workmen-compensation-fund-inner-02.webp" width="320" /></a></div><br />กองทุนเงินทดแทนคือกองทุนที่จะจ่ายเงินทดแทนให้กับลูกจ้าง ในกรณีที่ลูกจ้างเกิดอันตรายจากการทำงานให้นายจ้าง เช่น การเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ ทุพพลภาพ เสียชีวิตหรือสูญหาย โดยการจ่ายเงินทดแทนจะไม่คำนึงถึงวัน เวลา และสถานที่ แต่จะดูสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยว่าควรจ่ายเงินทดแทนยังไง ดังนั้น เพื่อให้คุณรักษาสิทธิ์ในฐานะที่เป็นลูกจ้าง นี่คือเรื่องที่ลูกจ้างจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเงินกองทุนทดแทน<p></p><p>4 ค่าใช้จ่ายที่กองทุนเงินทดแทนคุ้มครองถ้าเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน</p><p>อันตรายจากการทำงานในออฟฟิศเกิดขึ้นได้เสมอ บางอุบัติเหตุอาจทำให้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วย แต่บางอุบัติเหตุอาจทำให้สูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิตได้เลย ซึ่ง 4 ค่าใช้จ่ายที่กองทุนเงินทดแทนจะคุ้มครอง คือ </p><p><br /></p><p>กองทุนเงินทดแทนจ่ายค่ารักษาพยาบาลกี่บาท</p><p>กองทุนเงินทดแทนจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกจ้างเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 50,000 บาทต่อการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 1 ครั้ง แต่ถ้าอุบัติเหตุมีความรุนแรงหรือมีอาการเรื้อรัง กองทุนเงินทดแทนจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มให้จนสิ้นสุดการรักษาพยาบาลอีก 100,000 บาทแต่ไม่เกิน 300,000 บาท </p><p><br /></p><p>กองทุนเงินทดแทนจ่ายค่าทดแทนรายเดือนกี่บาท</p><p>ถ้าลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงานให้กับนายจ้างจนต้องหยุดงาน สูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน ทุพพลภาพ เสียชีวิต หรือสูญหาย จะได้เงินค่าทดแทนรายเดือนหรือเงินค่าขาดรายได้ร้อยละ 70 ของเงินเดือน และเงินนี้จะไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในท้องที่ที่ลูกจ้างทำงานอยู่ โดยกองทุนเงินทดแทนจะจ่ายเงินค่าขาดรายได้สูงสุดไม่เกิน 14,000 บาทต่อเดือน</p><p><br /></p><p>กองทุนเงินทดแทนจ่ายค่าทำศพกี่บาท</p><p>ถ้าลูกจ้างเสียชีวิตระหว่างทำงาน สำนักประกันสังคมจะจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพจำนวน 50,000 บาท</p><p><br /></p><p>กองทุนเงินทดแทนจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานกี่บาท</p><p>หลังจากที่ลูกจ้างพบเจอกับอันตรายจากการทำงานในออฟฟิศ ได้รับการรักษาพยาบาลแล้ว แต่ต้องฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย กองทุนเงินทดแทนจะจ่ายค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานให้กับลูกจ้าง ดังนี้ </p><p><br /></p><p>ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูสมรรถภาพ (ค่ากายภาพบำบัด) จ่ายจริงไม่เกิน 24,000 บาท</p><p>ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูร่างกาย จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท</p><p>กองทุนเงินทดแทนของประกันสังคม นายจ้างต้อง จ่ายให้เท่าไหร่ </p><p>การจ่ายเงินกองทุนเงินทดแทนที่เรียกว่า “เงินสมทบ” นายจ้างจะเป็นคนจ่ายกองทุนด้วยตนเอง ซึ่งสำนักประกันสังคมจะเรียกเก็บเงินกองทุนทดแทนกับนายจ้างแบบรายปี โดยจะประเมินจำนวนเงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างทั้งปีรวมกัน แล้วนำไปคูณกับอัตราเงินสมทบของประเภทกิจการในอัตรา 0.2-1.0% และจะเป็นจำนวนเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับว่านายจ้างทำกิจการประเภทใด และมีความเสี่ยงมากหรือน้อยเท่าไหร่ </p><p><br /></p><p>ใครบ้างที่มีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอเงินกองทุนทดแทนให้กับลูกจ้าง</p><p>เมื่อเกิดอันตรายจากการทำงานออฟฟิศ จนทำให้ลูกจ้างบาดเจ็บ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต หรือสูญหาย ต้องไปแจ้งเรื่องกับสำนักประกันสังคม ซึ่งบุคคลที่สามารถดำเนินการได้ คือ</p><p><br /></p><p>นายจ้างหรือผู้รับมอบอำนาจต้องยื่นแบบ กท.16 ที่สำนักประกันสังคมที่ลูกจ้างทำงานอยู่ หรือที่นายจ้างมีภูมิลำเนา ภายในระยะเวลา 15 วันหลังจากที่ได้ทราบว่าลูกจ้างเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย</p><p>ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอเงินทดแทนจากกองทุนเงินทดแทนได้ที่สำนักประกันสังคมที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายใน 180 วันนับตั้งแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย</p><p>ทั้งนี้ ถ้าการเจ็บป่วยเกิดขึ้นหลังจากพ้นสภาพการเป็นลูกจ้างแล้ว ให้ลูกจ้างหรือผู้มีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอเงินทดแทนจากกองทุนเงินแทนภายใน 2 ปี ตั้งแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย</p><p><br /></p><p>กองทุนเงินทดแทนกับกองทุนประกันสังคม ต่างกันยังไงบ้าง</p><p>ถ้าลูกจ้างจะรู้จักแค่กองทุนประกันสังคมมากกว่ากองทุนเงินทดแทนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในสลิปเงินเดือนที่ลูกจ้างได้รับมีแค่การหักเงินประกันสังคม ไม่ได้มีการหักเงินกองทุนทดแทน ซึ่งกองทุนเงินทดแทนกับกองทุนประกันสังคมมีความแตกต่างกันมาก โดยเงินติดล้อจะขออธิบายพอสังเขป ดังนี้</p><p><br /></p><p>กองทุนประกันสังคมจะคุ้มครองลูกจ้างใน 7 กรณีที่ไม่ได้เกิดจากการทำงาน คือ การเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และว่างงาน ตามกฎหมายแรงงาน แต่กองทุนเงินทดแทนจะคุณคุ้มครองในกรณีที่ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจากการทำงานให้นายจ้าง</p><p>การจ่ายเงินสมทบของกองทุนประกันสังคมลูกจ้างจะเป็นคนจ่าย แต่กองทุนเงินทดแทนนายจ้างจะเป็นคนจ่าย ดังนั้น รายจ่ายกองทุนเงินทดแทนจึงไม่มีในสลิปเงินเดือน</p><p>การเข้ารักษาพยาบาลของกองทุนประกันสังคม ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ลูกจ้างเลือกเอาไว้ แต่กองทุนเงินทดแทนเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใดก็ได้แต่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนถ้าโรงพยาบาลนั้นไม่ได้ทำข้อตกลงเอาไว้กับกองทุนเงินทดแทน และมีการกำหนดเพดานค่ารักษาพยาบาลเอาไว้ด้วย</p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-57716259025723772682023-11-09T03:21:00.004-08:002023-11-10T03:32:26.364-08:00คนพิการได้สิทธิอะไรบ้าง ?<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3lf-6aSdcjKxmr0yw90L2_pdIZ-nARjKPzqlf_zSqIpllexkSt87i45I1vjbUESrL99uuwjllAOVTarmpNbzQzp27etKUqnra-BFNfhXmDiNWUV2DUkIAuq7YzsEc149QBf0l3FdWnjk3eWkxK5GlOlYbn0HbJnDvbM5bFLiKwJyec_iPutiV0fgaizA/s400/451px-Handicapped_Accessible_sign.svg_.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="400" data-original-width="400" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3lf-6aSdcjKxmr0yw90L2_pdIZ-nARjKPzqlf_zSqIpllexkSt87i45I1vjbUESrL99uuwjllAOVTarmpNbzQzp27etKUqnra-BFNfhXmDiNWUV2DUkIAuq7YzsEc149QBf0l3FdWnjk3eWkxK5GlOlYbn0HbJnDvbM5bFLiKwJyec_iPutiV0fgaizA/s320/451px-Handicapped_Accessible_sign.svg_.png" width="320" /></a></div><br /><p><br /></p><p>คนพิการ หมายถึง</p><p>คนพิการ คือ บุคคลที่มีความผิดปกติหรือมีความบกพร่องทางร่างกาย ทางสติปัญญาหรือจิตใจ อย่างไรที่เรียกว่าคนพิการคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ทั้งนี้เพราะคนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในทุกๆด้าน แต่ในทุกๆสังคมมิได้มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกันทั้งหมดยังมีบุคคลประเภทหนึ่งซึ่งมีความผิดปกติหรือความบกพร่องทางด้านร่างกาย ทางสติปัญญา หรือทางจิตใจ ทำให้เป็นอุปสรรค ในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และการได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของสังคม ซึ่งเราเรียกบุคคล เหล่านี้ว่าคนพิการ</p><p><br /></p><p>ประเภทความพิการมี 7 ประเภท </p><p>1. พิการทางการเห็น</p><p>2. พิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย</p><p>3. พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย</p><p>4. พิการจิตใจหรือพฤติกรรม</p><p>5. พิการทางสติปัญญา</p><p>6. พิการทางการเรียนรู้</p><p>7. พิการทางการออทิสติก</p><p><br /></p><p>เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยื่นทำบัตรประจำตัวคนพิการ… </p><p>1. บัตรประจำตัวประชาชนคนพิการ จำนวน 1 ฉบับ</p><p>2. สำเนาทะเบียนบ้านคนพิการ จำนวน 1 ฉบับ</p><p>3. บัตรประจำตัวประชาชนผู้ดูแล จำนวน 1 ฉบับ</p><p>4. สำเนาทะเบียนบ้านผู้ดูแล จำนวน 1 ฉบับ</p><p>5. รูปถ่าย 1 นิ้ว ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 2 รูป</p><p>6. เอกสารรับรองความพิการโดยประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานพยาบาลเอกชนที่ผู้อำนวยการประกาศกำหนด เว้นแต่กรณีสภาพความพิการ</p><p> คนพิการ คือบุคคลซึ่งมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคม เนื่องจากมีความบกพร่องทางการเห็น การได้ยิน การเคลื่อนไหว การสื่อสาร จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม สติปัญญาและการเรียนรู้หรือความบกพร่องอื่นใด ประกอบกับมีอุปสรรคในด้านต่างๆ และมีความจำเป็นเป็นพิเศษที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือ ดังนั้นคนพิการจึงควรมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย</p><p>คนพิการทั่วไปทั้งคนที่มีบัตรและไม่มีบัตรคนพิการสามารถรับสิทธิคนพิการได้ดังนี้</p><p><br /></p><p>1.ได้รับเบี้ยคนพิการ</p><p>เฉพาะผู้ที่ขึ้นทะเบียนมีบัตรประจำตัวคนพิการถูกต้อง และมีสิทธิลงทะเบียนขอรับ “เบี้ยคนพิการ” คนละ 800 บาท/เดือน จะจ่ายเป็นเงินสดหรือจ่ายผ่านบัญชีธนาคารภายในวันที่ 10 ของทุกเดือนตลอดชีวิตและสิ้นสุดลงเมื่อคนพิการเสียชีวิต/แจ้งขอสละสิทธิ </p><p>ถ้าเป็นคนพิการที่อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับสิทธิทั้ง “เบี้ยคนพิการ” และ “เบี้ยผู้สูงอายุ”</p><p><br /></p><p>2.บริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์</p><p> สิทธิคนพิการยังได้รับบริการทางสาธารณะสุข เพื่อการรักษาพยาบาลและช่วยเหลือให้คนพิการสามารถทำกิจกรรมทั่วไปได้ตามความต้องการ จำเป็นต้องฝึกฝนและทำอย่างต่อเนื่องให้เกิดความชำนาญและป้องกันความพิการที่จะเกิดเพิ่มขึ้น</p><p><br /></p><p> เช่น กายภาพบำบัด, กิจกรรมบำบัด(กลุ่มสันทนาการ ฝึกอบรม), การประเมิน/แก้ไขการพูด, จิตบำบัด, พฤติกรรมบำบัด, ฟื้นฟูการได้ยิน-การมองเห็น, ได้รับอุปกรณ์เครื่องช่วยตามประเภทความพิการ, การพัฒนาทักษะขั้นพื้นฐานการใช้ชีวิต, บริการทางการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก (ฝังเข็ม นวดไทย), บริการทันตกรรม เช่น การเคลือบหลุมร่องฟัน, บริการเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมช่วยความพิการและแจ้งข้อมูลข่าวสารสุขภาพผู้พิการสามารถเข้าถึงได้</p><p><br /></p><p> จะได้สิทธิคนพิการบริการข้างต้นก็ต่อเมื่อ เปลี่ยนจากสิทธิบัตรทองธรรมดาเป็นสิทธิคนพิการ ท.74 (“สิทธิหลักประกันสุขภาพ” หรือที่เคยรู้จักกันในนาม“สิทธิ 30 บาท หรือสิทธิบัตรทอง”)</p><p><br /></p><p> แสดงบัตรท.74 ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอบริการรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือการรักษาพยาบาล อาการเจ็บป่วยและได้รับอุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการที่หน่วยบริการที่ระบุในบัตรประกันสุขภาพทั่วประเทศได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย</p><p><br /></p><p>3.ได้รับการศึกษาฟรี</p><p><br /></p><p> โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่พบความพิการจนตลอดชีวิต เป็นอีกประโยชน์หนึ่งของสิทธิคนพิการ สามารถแจ้งรับบริการได้ที่ศูนย์การศึกษา พิเศษประจำจังหวัด โรงเรียนใกล้บ้าน หรือสถานศึกษา หรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ของจังหวัดต่างๆ หรือหน่วยงานที่ประกาศกำหนด</p><p><br /></p><p> เพื่อได้รับสิทธิทางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน 15 ปี 2562 พร้อมได้รับเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลือ โดยเลือกสถานที่ ระบบและรูปแบบทางการศึกษาคำนึงถึงความสามารถ ความสนใจ ความถนัดและจัดหลักสูตรให้สอดคล้องกับผู้พิการแต่ละประเภท</p><p><br /></p><p>4.คนพิการสามารถสมัครงาน</p><p><br /></p><p> สมัครงานได้ที่สถานประกอบการทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นสิทธิคนพิการที่ควรได้รับ โดยสามารถแจ้งรับบริการจัดหางานที่ศูนย์จัดหางานหรือแจ้งองค์กรด้านคนพิการที่บริการจัดหางานให้ เช่น ศูนย์จัดหางานคนพิการพระมหาไถ่ พัทยา และมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย</p><p><br /></p><p> ถ้านายจ้างรับคนพิการเข้าทำงานอันตราส่วนพนักงานต่อคนพิการ 100:1 นายจ้างมีสิทธิได้รับข้อยกเว้นภาษีเงินได้จำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายในการจ้างคนพิการ นายจ้างสามารถนำค่าจ้างนั้นมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง หากสถานประกอบการใดที่ไม่รับคนพิการเข้าทำงานต้องจ่ายเงินสมทบทุนเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพื่อเป็นกองทุนช่วยเหลือดูแลคนพิการ</p><p><br /></p><p>**แต่นายจ้างจะรับสิทธิประโยชน์เฉพาะการจ้างคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการเท่านั้น**</p><p><br /></p><p>5.บริการสิ่งอำนวยความสะดวก</p><p><br /></p><p> ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ เช่น ห้องน้ำทางลาด ที่จอดรถสำหรับคนพิการ เอกสารอักษรเบรลล์ ล่ามภาษามือ บริการคนส่งสาธารณะ ข้อมูลข่าวสารและบริการให้สัตว์นำทางกับคนพิการ เป็นต้น ให้แจ้งหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่รับผิดชอบ อบต. พมจ. สำนักงานเขต สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เป็นต้น</p><p><br /></p><p>6.คนพิการมีสิทธิขอกู้เงิน</p><p><br /></p><p> สิทธิคนพิการมีสิทธิขอกู้เงิน ไว้เพื่อประกอบอาชีพได้ที่พมจ. กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน กรุงเทพมหานคร หรือหน่วยงานที่ประกาศกำหนด</p><p><br /></p><p>กู้ได้เป็นรายบุคคลไม่เกินรายละ 60,000 บาท ถ้าประสงค์กู้เงินเกินวงเงินที่กำหนดให้พิจารณาเป็นรายๆไม่เกิน 120,000 บาท</p><p><br /></p><p>กู้เป็นกลุ่มเพื่อประกอบอาชีพกลุ่มละไม่เกิน 1,000,000 บาท</p><p><br /></p><p>**ไม่มีดอกเบี้ยแต่ต้องผ่อนส่งภายใน 5 ปี**</p><p><br /></p><p>ผู้กู้ต้องอายุ20ปีขึ้นไปและมีบัตรผู้พิการและบัตรดูแลผู้พิการ กรอกข้อมูลว่าจะนำทุนไปประกอบอาชีพด้านใด โดยมีผู้ค้ำประกันที่เงินเดือนมั่นคง 1 คน ยื่นเรื่องขออนุมัติเงินไม่เกิน 2 สัปดาห์</p><p><br /></p><p>7.แจ้งรับบริการสวัสดิการสังคม</p><p><br /></p><p> ได้ที่ อบต. พมจ. สำนักงานเขต ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน กรุงเทพมหานคร หรือหน่วยงานที่ประกาศกำหนด เพื่อคุ้มครองสิทธิคนพิการอย่างทั่วถึง เช่น ผู้ช่วยคนพิการ (สำหรับคนพิการระดับรุนแรง) ค่าใช้จ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานที่พักอาศัย สถานที่เลี้ยงดูสำหรับผู้พิการไร้ที่พึ่ง</p><p><br /></p><p>8.บริการล่ามภาษามือ</p><p><br /></p><p> เฉพาะคนหูหนวกมีสิทธิยื่นคำขอเพื่อขอรับบริการล่ามภาษามือในกรณีต่างๆแจ้งรับบริการได้ที่สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย อบต. พมจ. สำนักงานเขต ศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน กรุงเทพมหานคร หรือหน่วยงานที่ประกาศกำหนด เช่น การใช้บริการทางการแพทย์และสาธารณะสุข การสมัครงาน การร้องทุกข์ การกล่าวโทษหรือเป็นพยาน การเข้าร่วมประชุม สัมมนา ฝึกอบรมรวมทั้งเป็นผู้บรรยาย</p><p><br /></p><p>9.ลดหย่อนภาษีเงินได้</p><p><br /></p><p>สิทธิคนพิการยังสามารถขอลดหย่อนภาษีเงินได้ โดยแจ้งหน่วยงานของกรมสรรพากรที่ไปเสียภาษี</p><p><br /></p><p>สำหรับผู้ดูแลที่เลี้ยงดูคู่สมรส ลูก หรือพ่อแม่ที่พิการหรือทุพพลภาพ สามารถนำไปใช้ลดหย่อนแบบเหมาได้คนละ 60,000 บาทต่อปี</p><p>แต่ถ้าผู้พิการหรือทุพพลภาพที่ดูแลอยู่ไม่คู่สมรส ลูก หรือพ่อแม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้แบบเหมา 60,000 บาทต่อเพียงคนเดียว</p><p>ถ้าคู่สมรสไม่มีรายได้และมีความพิการด้วย สามารถรถหย่อนภาษีคู่สมรสได้ 60,000 บาท และลดหย่อนผู้พิการได้อีก 60,000 บาท รวมเป็นเงินลดหย่อนทั้งสิ้น 120,000 บาท</p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-7390496820233194270.post-70213434326293108292023-11-09T02:49:00.002-08:002023-11-10T03:34:29.791-08:00สิทธิบัตรบัตรทอง บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตร30บาท <div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh31pIq_M-Yh5I85OY0-Gh5q8r9uBTVEtvSst8ZIRCjgdPqmEmfXXwlJIYeFrEHP0EPnIALIW_CWYb9laDwuMBvhkjnt1Zileac0-DsbuoKKe_IxtrSi-T1ICvp-BSE89cuYcxHs6_ScocZchstVkNPz67NU-xG9TmwXOQaEFUjJymkLnpHmYcwEaxmLU4/s1024/49065980_2047309475335598_4190878639027388416_n-1024x1024.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" data-original-height="1024" data-original-width="1024" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh31pIq_M-Yh5I85OY0-Gh5q8r9uBTVEtvSst8ZIRCjgdPqmEmfXXwlJIYeFrEHP0EPnIALIW_CWYb9laDwuMBvhkjnt1Zileac0-DsbuoKKe_IxtrSi-T1ICvp-BSE89cuYcxHs6_ScocZchstVkNPz67NU-xG9TmwXOQaEFUjJymkLnpHmYcwEaxmLU4/s320/49065980_2047309475335598_4190878639027388416_n-1024x1024.jpg" width="320" /></a></div><br /><p><br />สิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ บัตรทอง คือ สิทธิตามกฎหมายของคนไทย ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข และการแพทย์ เพื่อการรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัย ส่งเสริมด้านสุขภาพ และการป้องกันโรค ฯลฯ</p><p>“บัตรทอง” ถือเป็นสิทธิพื้นฐานในการรักษาพยาบาลของคนไทย เมื่อเจ็บป่วยจะได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลของภาครัฐ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล โดยปัจจุบันสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ขยายและยกระดับบัตรทอง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน เช่น หากเจ็บป่วยสามารถไปรับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิได้ทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นหน่วยบริการที่ขึ้นสิทธิไว้ เป็นต้น</p><p>ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการมีประกันสุขภาพ ทำให้ได้รับความสะดวกเมื่อใช้บริการในโรงพยาบาลและคลายความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มที่ไม่สามารถหรือมีข้อจำกัดในการซื้อประกันสุขภาพ เช่น มีประวัติด้านสุขภาพที่ไม่แข็งแรง มีรายได้ไม่เพียงพอ หรือค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มสูงขึ้นกรณีผู้อายุ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องศึกษาสิทธิในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสวัสดิการของภาครัฐเพื่อประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว</p><p><br /></p><p>ปัจจุบันในประเทศไทย มีสิทธิเพื่อเข้าถึงบริการทางการแพทย์จากภาครัฐอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ สิทธิข้าราชการ สิทธิพนักงานส่วนท้องถิ่น สิทธิพนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ประกันตนของกองทุนประกันสังคม และสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือที่รู้จักกันดีว่า สิทธิบัตรทอง</p><p><br /></p><p>สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสิทธิบัตรทอง เป็นสวัสดิการให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ แรงงานนอกระบบ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้า แม่ค้า คนทำงานรับจ้างที่ไม่มีสวัสดิการคุ้มครอง หรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจากการทำงานเช่นเดียวกับแรงงานในระบบที่มีสิทธิลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำ เพื่อใช้สิทธิโดยไม่ต้องเสียค่าบริการ (ตรวจสอบสิทธิได้ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ www.nhso.go.th)</p><p> </p><p>แนวทางการใช้สิทธิ </p><p><br /></p><p>เมื่อลงทะเบียนแล้ว สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิ หากการรักษาพยาบาลเกินศักยภาพของหน่วยบริการ แพทย์จะพิจารณาส่งต่อไปยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพสูงกว่าตามภาวะความจำเป็นของโรค และสามารถขอเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี โดยแจ้งได้ที่สถานที่ลงทะเบียนและเริ่มใช้บริการที่แห่งใหม่ได้ทันที รวมทั้ง สปสช. ได้เปิดช่องทางการลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ หรือลงทะเบียนสิทธิบัตรทอง/ย้ายสิทธิการรักษาพยาบาล ได้ด้วยตนเองทางออนไลน์ไว้ 2 ช่องทาง ได้แก่ Application สปสช. หรือ Line สปสช. (LINE ID: @nhso)</p><p><br /></p><p>หากพักอาศัยในพื้นที่ (ปริมณฑล หรือ ต่างจังหวัด) สามารถติดต่อลงทะเบียนย้ายสิทธิได้ด้วยตนเอง ได้ที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในพื้นที่ผู้ขอลงทะเบียนพักอาศัยอยู่จริง หรือที่คุ้นเคยในชื่อสถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง รพ.รัฐใกล้บ้าน (ในพื้นที่อำเภอที่ผู้ขอลงทะเบียนพักอาศัยอยู่จริง) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สปสช.เขต 1 – 12</p><p><br /></p><p>หากพักในกรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่ สปสช.เขต 13 กทม. หรือจุดลงทะเบียนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในพื้นที่ กทม. ได้แก่ สำนักงานเขต 19 เขตของ กทม. โดยเมื่อลงทะเบียนแจ้งสิทธิเรียบร้อยแล้ว จะเกิดสิทธิใหม่ทันที </p><p><br /></p><p>เจ็บป่วยทั่วไป ที่ไม่ใช่อาการฉุกเฉิน สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการประจำตามสิทธิ เพียงยื่นบัตรประชาชน</p><p><br /></p><p>เจ็บป่วยฉุกเฉิน ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการเสียชีวิตหรืออาการรุนแรงขึ้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว (ตามนิยามทางการแพทย์) ให้เข้ารับบริการกับหน่วยบริการของรัฐหรือเอกชนที่เข้าร่วมโครงการที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง กรณีเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่เข้าร่วม ให้ติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อแนะนำข้อมูลหรือประสานหาเตียงรองรับ </p><p><br /></p><p>อุบัติเหตุ แบ่งเป็น 2 กรณี หากประสบอุบัติเหตุทั่วไป ให้ปฏิบัติเหมือนกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน แต่กรณีประสบอุบัติเหตุจากรถ ต้องใช้สิทธิตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถหมดก่อน ส่วนเกินจึงจะใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้</p><p><br /></p><p>เมื่อผู้มีสิทธิบัตรทองต้องเดินทาง เช่น กลับไปเยี่ยมญาติต่างจังหวัด แล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น ถูกสุนัขกัด ถือเป็นอุบัติเหตุก็ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ในการทำแผลและการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยสามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นได้ แต่ให้เข้าสถานพยาบาลของรัฐที่ใกล้ที่สุดก่อน และสามารถรับบริการได้ครบตามกำหนดของการรับวัคซีน เฉพาะกรณีที่ไม่สามารถเดินทางกลับไปรับวัคซีนเข็มถัดไปที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้</p><p><br /></p><p>(ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพที่ https://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml)</p><p> </p><p>นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ</p><p><br /></p><p>สิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) คือ สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (สีแดง) ที่หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤติและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยมี 6 กลุ่มอาการที่เข้าข่าย ดังนี้</p><p><br /></p><p>1. หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ</p><p>2. หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรงหายใจติดขัดมีเสียงดัง</p><p>3. ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น</p><p>4. เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง</p><p>5. แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกพูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วนหรือชักต่อเนื่องไม่หยุด</p><p>6. อาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต</p><p>โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังเวลา 72 ชั่วโมง ในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สามารถย้ายเข้าระบบหน่วยบริการได้ แต่หากปฏิเสธไม่ขอย้าย ผู้ป่วยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อไปเอง (หากมีข้อสงสัยสามารถโทรสอบถามได้ที่ ศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส.สพฉ.) 02 872 1699 ตลอด 24 ชั่วโมง)</p><p><br /></p><p> บริการที่คุ้มครองค่าใช้จ่าย</p><p><br /></p><p>1. บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค</p><p>2. การตรวจวินิจฉัยโรค</p><p>3. การตรวจและรับฝากครรภ์</p><p>4. การบำบัดและการบริการทางการแพทย์</p><p>5. ยา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์</p><p>6. การทำคลอด</p><p>7. การกินอยู่ในหน่วยบริการ</p><p>8. การบริบาลทารกแรกเกิด</p><p>9. บริการรถพยาบาล หรือบริการพาหนะรับส่งผู้ป่วย</p><p>10. บริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ</p><p>11. การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ</p><p>12. บริการสาธารณสุขด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ</p><p>13. บริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนดเพิ่มเติม</p><p><br /></p><p>บริการที่ไม่อยู่ในความคุ้มครอง</p><p><br /></p><p>การรักษาภาวะมีบุตรยากหรือการผสมเทียม การแปลงเพศ การตรวจวินิจฉัยและรักษาที่เกินความจำเป็นจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ การรักษาที่อยู่ระหว่างค้นคว้าทดลอง การบาดเจ็บจากการประสบภัยจากรถซึ่งอยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ การบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาและสารเสพติด (ยกเว้นบางกรณี) โรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาในโรงพยาบาลเกิน 180 วัน (ยกเว้นบางกรณี) การปลูกถ่ายอวัยวะ (ยกเว้นบางกรณี)</p><p><br /></p><p>หากผู้ใช้สิทธิได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการซึ่งไม่ใช่เป็นพยาธิสภาพของโรคหรือเหตุแทรกซ้อนของโรค มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น โดยผู้ได้รับความเสียหายหรือทายาทสามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหาย ที่หน่วยบริการในระบบหรือโทรสายด่วน สปสช. 1330</p><p><br /></p><p>เพราะรายได้ที่ไม่แน่นอน เงินออมไม่เพียงพอ และไม่มีสวัสดิการคุ้มครองในหลายกรณีของแรงงานนอกระบบและกลุ่มผู้สูงอายุถือเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง การใช้สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพจากบัตรทอง ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะกรณีโรคเรื้อรังและโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่แม้เกิดเพียงครั้งเดียว แต่อาจกระทบกับเงินเก็บทั้งหมดที่มี หรือต้องกู้หนี้ยืมสิน ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาลปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ควรพิจารณาเปลี่ยนสถานพยาบาลเพื่อความสะดวกในการเดินทางและเตรียมหลักฐานสำคัญ คือ บัตรประชาชน ให้พร้อมเผื่อกรณีฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p>BTC Admin http://www.blogger.com/profile/17552179607270050206noreply@blogger.com0